รีเซต

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 11

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 11
3 กุมภาพันธ์ 2557 ( 16:52 )
8.9K

คุ้มนางครวญ ตอนที่ 11

บทประพันธ์ดัดแปลงจากบทประพันธ์ เรื่อง คุ้มนางครวญ ของ สรรัตน์ จิรบวรสุทธิ์

บทโทรทัศน์วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน

 

วันต่อมามีการถ่ายทำ เป็นฉากเรือนของยอดหล้า มาลารินจับพิมพ์ดาวมานั่งหน้าคันฉ่อง พิมพ์ดาว
ถูกจับแต่งตัว แต่งหน้า แต่งผม ดูงดงามเป็นคนละคน นางผัน นางเผื่อน คอยส่งดอกไม้คำ ดอกไม้ไหว
ให้มาลาริน มาลารินปักดอกไม้ไหวลงบนมวยผมพิมพ์ดาว

“เจ้าพี่นึกยังไงถึงมาจับข้าแต่งตัว ข้าไม่ใช่ตุ๊กตาของเจ้าพี่นะ”

“ตอนนี้เจ้าเป็นตุ๊กตาที่งามที่สุดของข้า”

พิมพ์ดาวหันมา “ท่านทาหน้าข้าซะขาวราววอก ปากก็แดงเป็นตัวตุ๊ดตู่”

“ยังไงก็ดีกว่าขะมุกขะมอม เป็นชาวป่าชาวดอย”

“แต่ข้าก็เป็นชาวดอยจริงนี่ แม่ข้ามาจากเชียงรุ่ง หอคำเวียงผาครางก็อยู่บนผาสูง”

“เจ้าเป็นเจ้านางน้อยแห่งเวียงแก้วต่างหาก”

มาลารินจับพิมพ์ดาวให้หันไปดูกระจกใหม่ พิมพ์ดาวมอง

“ดูซิว่าเจ้างามแค่ไหน”


พิมพ์ดาวยิ้ม สบตากับมาลารินในกระจกเงา แล้วตัวชาวาบเมื่อภาพมาลารินเลือนไปเป็นยอดหล้า นางผัน
นางเผื่อนในกระจกเงาก็เป็นอีกคน พิมพ์ดาวเบิกตากว้างตะลึงตะไล 

ฐาปกรณ์ขมวดคิ้ว “คัท!”

พิมพ์ดาวตัวชา ภาพอดีตที่ซ้อนเข้ามาเลือนไป มาลารินมองพิมพ์ดาว

“คุณพิมพ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

ฐาปกรณ์ลุกมา บีบี ตรีภพ ตามมาด้วย

“เป็นอะไรหนูพิมพ์.. จู่ๆก็หยุดเล่น”

พิมพ์ดาวพนมมือไหว้ขอโทษ 

“ขอโทษค่ะ เมื่อคืนหนูนอนน้อยก็คงเบลอน่ะค่ะ”

บีบีแสยะ “ต๊าย เลยมาทำให้คนอื่นเสียเวลาไปด้วย นี่ต้องเทกล่ะซีนี่”

“ไม่ต้องเทก จบซีนพอดี แค่ทริมตอนท้ายออกก็พอ” ฐาปกรณ์สรุป

พิมพ์ดาวโล่งใจ บีบีค้อน ตรีภพมองพิมพ์ดาวอย่างเป็นห่วง พิมพ์ดาวเมินใส่



______________________________________________



หลังจากการถ่ายทำ 4 วันแรกผ่านไป กองถ่ายมารถเก็บคิวนักแสดงอาวุโสได้หมด สุชาดาจึงจัดเลี้ยงส่ง
นักแสดงอาวุโส
ที่คาราโอเกะของพ่อเลี้ยงธาดา ทุกคนประหลาดใจที่อยู่ดีๆ มาดามสุก็ใจป้ำ

รถตู้มารับนักแสดงไปคาราโอเกะ มาลารินแต่งชุดวูบวับ ราตรีสั้น เดินมากับบีบีที่ถมเครื่องเพชรเต็มตัว มาลาริน
เกาะแขนตรีภพ

”คุณตรีขึ้นรถคันไหนคะ”

“ยังไม่รู้เลยครับ”

พิมพ์ดาวกับแพทมอง ตรีภพสบตาพิมพ์ดาว แล้วมองแพท

มาลารินดึงตรีภพไปขึ้นรถคันแรก “ไปคันนี้เถอะค่ะ” แล้วหันมายิ้มตาแป๋วกับพิมพ์ดาว “ไปก่อนนะคะ”

มาลารินดึงตรีภพขึ้นรถไปกับบีบี คนขับรถรอปิดประตู 

รถตู้คันถัดไปมาเทียบ รัก ลูกกบ เบิ้ม ขึ้นรถพิมพ์ดาว แพท ขึ้นตาม

ในรถตู้คันแรกตรีภพคลำอกเสื้อ “อ้าว ผมลืมมือถือ รอก่อนนะครับ” ตรีภพลงไป 

ในรถตู้คันที่ 2 แพทเปิดกระเป๋าถือ “ว้าย ลืมแว่นตา รอเดี๋ยวนะคะ”

แพทลงรถสวนกับตรีภพ หลิ่วตาให้กัน แพทเดินไปขึ้นรถตู้คันแรก

“ว้าย มาทำไมยะ รถเต็มแล้ว” บีบีว่า

“คุณตรีบอกให้ไปได้เลยค่ะ” แพทหันไปบอกคนขับรถ “ไปได้เลยค่ะ พี่”

รถตู้เคลื่อนออก มาลารินเกือบกรี๊ด ราเชนทร์ยื่นหน้ามาจากเบาะหลัง “หนีบไม่อยู่ หลุด”

มาลารินมองกินเลือดกินเนื้อ

“อะไร ใครหนีบไม่อยู่” สุชาดาถาม

“อ๋อ อาเชาว์น่ะครับ แกเปิดตัวแล้ว” ราเชนทร์เบี่ยงประเด็น

“ว้าย”

“หา พี่เชาว์ก็เป็นเหรอ” ฐาปกรณ์ตกใจ


ที่รถตู้คันที่ 2 ตรีภพขึ้นมานั่งข้างพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวหันมา “น้องแพท”

พิมพ์ดาวชะงัก เมื่อเห็นว่าตรีภพมานั่งข้าง

“น้องแพทไปคันนู้น ออกรถได้เลยครับ”

พิมพ์ดาวเชิดใส่

รถตู้สองคนขับตามกันออกไป

ที่ระเบียงคุ้มหลวง แก้วก้าวมามองตามรถตู้


ในรถตู้ ตรีภพมองพิมพ์ดาว

“นี่คุณ ทำไม 2-3 วันนี้คุณถึงคอยหลบหน้าผม”

“อย่าสำคัญตัวผิด ฉันจะไปหลบหน้าคุณทำไม”

“อย่ามาพูด.. พอผมจะพูดด้วยก็เชิดใส่”

“ก็ฉันขี้เกียจพูดด้วย มีอะไรไหม”

“อ้าว นี่คุณ ใครๆเค้าก็ว่าเราคบหาดูใจกันอยู่ จู่ๆคุณมาทำห่างๆกับผม.. เดี๋ยวก็มีข่าวมือที่สามที่สี่อีกหรอก”

พิมพ์ดาวเชิด “จะให้ฉันตั้งโต๊ะแถลงข่าวก็ได้นะ ว่าเลิกคบกันแล้ว”

“เพราะอะไรดีล่ะ”

“อะไรก็ได้ ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ทางบ้านไม่ชอบ หรือไม่ก็จับได้ว่าคบคนอื่นด้วย”

ตรีภพรู้สึกตงิดๆ “ฝ่ายไหน”

“ก็ต้องฝ่ายคุณซี”

ตรีภพถึงบางอ้อ “ผมรู้แล้ว นี่คุณเข้าใจผิดเรื่องผมกับคุณลินซี่อีกแล้วซี”

“นี่ ฉันบอกคุณแล้วนะว่าอย่าสำคัญตัวผิด คุณจะไปต่อบทกับใครในห้องมันเรื่องของคุณ ฉันไม่สน”

“งั้นคุณไม่อยากรู้จริงๆหรือว่าคืนนั้น.. มันเกิดอะไรขึ้น”

พิมพ์ดาวลังเล มองหน้าตรีภพ ตรีภพทำหน้าจริงจัง


“คุณได้ยินเสียงซึงเล่นเพลงดวงดาว”

“แล้วผมก็ไม่รู้สึกตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คุณลินซี่ดึงตัวผมไว้ไม่ให้ออกไปนอกตัวคุ้ม”

“คุณเคยละเมอเดินมาก่อนไหม”

ตรีภพส่ายหน้า “แล้วก่อนที่ฝูงกาจะโจมตี.. ผมก็ได้ยินเสียงซึงอีกครั้งนึง”

พิมพ์ดาวกัดริมฝีปาก

“แต่แปลก.. ที่คุณลินซี่ไม่ได้ยินเสียงเพลงนั่นเลย เหมือนเสียงซึงนั่นสื่อกับผมแค่คนเดียว”

พิมพ์ดาวมองหน้าตรีภพ ‘ไม่ใช่แค่กับนายคนเดียวหรอก’

ตรีภพมองดูพิมพ์ดาว รู้ว่าพิมพ์ดาวเชื่อ พิมพ์ดาวยักไหล่

“เรื่องที่คุณแก้ตัวมานี่ ฉันจะพยายามเชื่อ”

“ใครบอกว่าผมมาแก้ตัว คุณสำคัญตัวผิดไปแล้ว”

พิมพ์ดาวตาเขียว ตรีภพสะใจที่เป็นฝ่ายย้อนบ้าง พิมพ์ดาวสะบัดหน้า มองไปนอกหน้าต่าง แต่มีอาการพึงใจนิดๆ


______________________________________________


 

เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ยามราตรี มีห้องคาราโอเกะแนวนิยมของยุค ทำเป็นเรือนส่วนตัว ตั้งอยู่ห่างๆกันหลายหลัง ข้างในตกแต่งทันสมัย แต่ไม่วายมีลวดลายศิลปะเมืองเหนือ ตกแต่งอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ทีวีจอแบนกำลังมีมิวสิควิดีโอเพลงยอดนิยมพร้อมเนื้อเพลง มาดามสุยืนกรีดมือวางท่วงท่าร้องเพลงอยู่ ด้านหลัง   มีมี่ มูมู่ เต้นเป็นหางเครื่องให้ พอจบเพลง มาดามสุจึงประกาศเซอร์ไพรส์ ภาพบนจอทีวี เบื้องหลังกลายเป็นภาพละครโทรทัศน์ ช่วงจบไตเติ้ลเข้าเรื่องพอดี ตรีภพอ้าปากค้าง มีอาการเขิน มาลารินทำตาโต


“ละครคุณตรี ออนแอร์วันนี้ตอนแรกใช่ไหมคะ” 

“โธ่ ผมอุตส่าห์ลืมไปแล้วนะนี่”

พิมพ์ดาวเชิด แพทมองทีวีตาเป๋ง


ภาพในจอเห็นรถสปอร์ตแล่นมาด้วยความเร็ว แล้วตัดไปเป็นภาพในรถ เห็นตรีภพในมาดลูกเศรษฐีที่สปอยสุดๆ ท่าทางเป็นแบดบอยเต็มที่ ทีมงานตะโกนแซว ตรีภพหน้าแดง แต่ก็ลุกขึ้นทำท่าโค้งรอบทิศ ตรีภพสบตาพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวยักไหล่ ตรีภพนั่งลง มาลารินเกาะแขน

“คองเกรจูเรชั่นส์ค่ะ”

มาดามสุมานั่งเบียดตรีภพอีกข้าง มองดูทีวี

“ต๊าย น้องตรี หล่อมากค่ะ”

พิมพ์ดาวมองดูตรีภพ ขนาบด้วย 2 สาว 2 วัย ก็ทำท่าไม่แยแส ตักอาหารกิน ราเชนทร์คอยดูท่าทีพิมพ์ดาวและตรีภพ แล้วยิ้มนิดๆ

ที่ภาพในจอทีวี ตรีภพในมาดพระเอกเพลย์บอยและแบดบอย กำลังคุยกับเพื่อนที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรม

“พวกผู้หญิงพวกนี้มันก็อยากเหมือนกันละวะ เสนอมาก็สนองให้”

พิมพ์ดาวชะงัก ตามองทีวี ตรีภพหน้าแดง เอาสองมือปิดหน้า บรรดาคนอื่นๆเกี๊ยวก๊าว แซวกันใหญ่ 

“ตาย แรงนะ” แพทว่า

มาลารินเผยอปาก ยิ่งฟังยิ่งรัญจวน บีบีตีให้ระงับกิริยา

ที่ภาพในจอทีวี ตรีภพกระดกเหล้าน้ำแดงเข้าปาก ยักไหล่

“ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบซักหน่อยนึง แล้วจะมาเรียกร้องให้รับผิดชอบอะไร”

พอตรีภพพูดจบ ทีมงานเฮยิ่งกว่าเดิม ตรีภพเอามือปิดตา ถ่างนิ้วดูตัวเอง หน้าแดงเพราะอายจริงๆ

“โอโฮ มายไอดอล” ราเชนทร์ว่า แพทตีราเชนทร์ ราเชนทร์หัวเราะ 

พิมพ์ดาวอึ้ง หันมองตรีภพด้วยความโล่งใจ ‘วันนั้น อีตาบ้านั่นท่องบทละครหรือ’



ข้างในยังคงครึกครื้นร้องเพลงต่อ ฐาปกรณ์ดึงมาดามสุมา

“ทำไมกินกันไม่อั้นแบบนั้น แบลกตั้ง 7 ขวด ไม่ฉิบหายเหรอคุณ”

“วุ้ย ถ้าฉิบหายฉันจะเลี้ยงทำไม”

“อย่าบอกนะว่า ให้ไอ้แก้วออกให้อีก”

“ไม่ใช่ค่ะ พ่อเลี้ยงธาดาต่างหากเป็นคนเลี้ยง”

“หือม์ ไอ้พ่อเลี้ยงนี่ ทำไมต้องมาแสนดีกับเราด้วยวะ”

“จะอะไร ก็เศรษฐีบ้านนอกเห่อดาราน่ะซี”

มาดามสุพูดแล้วก็รีบมองซ้ายมองขวา กลัวกำแพงมีหู ประตูมีช่อง


ราเชนทร์หลบออกจากห้องคาราโอเกะมาพบกับพ่อเลี้ยงธาดา

“ได้เรื่องอะไรบ้าง”

“ตอนนี้ผมตีซี้พวกเหมดกับพวกคนสวน ทุกคนบอกว่าคุณแก้วตอนแรกที่มาถึงก็ทำตัวเป็น.. เรียกว่าอะไรดี”

พ่อเลี้ยงธาดายิ้มเหยียดหยาม “สามล้อถูกหวย”

“ใช่แล้วครับ จากนั้นจู่ๆก็เปลี่ยนไป เลิกเที่ยว เก็บเนื้อเก็บตัว มีท่าทางเหมือนถูกสะกด”

“หรือไม่ก็เหมือนคนติดยา”

“ช่วงเวลาก็เป็นช่วงเดียวกับที่คนของพ่อเลี้ยงหายตัวไป”

พ่อเลี้ยงธาดาขบกราม “งั้นก็เป็นฝีมือของไอ้เจ้ากำมะลอนี่จริงๆ”

“แปลว่าไอ้ เอ๊ย พี่เอ็ดดี้ก็ฝีมือมันหรือครับ”

“มันทำเหมือนกับเป็นฝีมือผี ทำเหมือนกับว่าคุ้มร้างนั่นมีอาถรรพ์ แต่กูไม่มีวันเชื่อ”

“แล้วพ่อเลี้ยงคิดว่าเงินกับยาจะยังอยู่หรือครับ”

พ่อเลี้ยงธาดาตาวาว โกรธเกรี้ยว

“ป่านนี้คงไม่เหลือซากแล้ว แต่ก็ไม่แน่ ไอ้แก้วอาจจะยังซ่อนเงินกับยาไว้ที่ห้องใต้ดินคุ้มร้างนั่นก็ได้”

“แล้วพ่อเลี้ยงอยากให้ผมทำอะไรต่อไป”

พ่อเลี้ยงธาดาครุ่นคิด



ที่สวนด้านนอกของคาราโอเกะ มีน้ำพุประดับไฟเปลี่ยนสีดูงดงาม พิมพ์ดาวยืนเหม่อดูน้ำพุ มีร่างสูงก้าวมาด้านหลัง พิมพ์ดาวจำได้แม้ไม่ได้หันมา ตรีภพเข้ามาใกล้ๆ มองดูน้ำพุ

“สวยจัง”

“หมายถึงน้ำพุใช่ไหม”

ตรีภพชะงัก มองพิมพ์ดาว “ก็ใช่น่ะซี ใครจะไปกล้าชมคุณ”

“ทำไม.. ทำไมถึงไม่กล้า”

“ผมไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นเพลย์บอย เป็นเสือผู้หญิง เป็นพวกหว่านไปเรื่อยน่ะซี”

“ใครไปกล่าวหาคุณ”

พิมพ์ดาวทำไม่รู้ไม่ชี้ ตรีภพเห็นแววยิ้มในดวงตา ก็ยิ่งรื่นรมย์ขึ้น

“ก็คนแถวๆนี้แหละครับ”


ตรีภพมองตาพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวมองตอบ บรรยากาศกำลังจะซึ้ง ก็มีเสียงดังมาจากลานจอดรถ ตรีภพและพิมพ์ดาวมองไป เห็นจิ๊กโก๋นายหนึ่งกำลังคว้าข้อมือหญิงสาวท่าทางมาเที่ยวผับ ตรีภพก้าวเข้าไปช่วย จิ๊กโก๋ไม่ยอมปล่อยผู้หญิง แถมยังตบตีอีกด้วย ตรีภพตรงเข้าไปต่อยจิ๊กโก๋หงายหลัง บรรดานักเลงที่คุมลานจอดรถ เป็นพวกเดียวกับจิ๊กโก๋ จึงพากันมาล้อมกรอบตรีภพ พิมพ์ดาวหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมา แต่ก็ถูกนักเลงใช้ไฟฉายฟาดหลุดจากมือ พิมพ์ดาวไม่ยอมหนี เอาหลังพิงตรีภพ แล้วดึงเข็มขัดออกพันมือ ตรีภพอึ้งไปนิด ตรีภพกับพิมพ์ดาวเตะต่อย จนนักเลงเป็นฝ่ายแพ้ จิ๊กโก๋จึงควักปืนออกมายิง ตรีภพเอาตัวเข้าบังพิมพ์ดาวไปข้างหลัง กระสุนเฉียดหัวตรีภพ จิ๊กโก๋ตัวสั่นระริก ปืนหลุดมือ แล้วล้มลงชัก หญิงสาวถือเครื่องช็อตไฟฟ้าของพิมพ์ดาว ยืนเด่นอย่างสะใจ แล้วเข้าเตะจิ๊กโก๋ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ตรีภพเอามือลูบผม ผมหลุดมาปอยหนึ่ง มีรอยไหม้ ตรีภพกลืนน้ำลาย พิมพ์ดาวจับตัวตรีภพให้มาประจันหน้า

“คุณเป็นอะไรไหม”

“ไม่ฮะ แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”


บรรดาผู้คนทยอยมาดู ทีมงานละครก็วิ่งมา มาลารินเบียดพิมพ์ดาวเซถลา คว้าแขนตรีภพ “คุณตรีขา”

พ่อเลี้ยงธาดาก้าวมากวาดตามอง เห็นว่าเป็นคนของตัวเองก็ขบกราม รถตำรวจมาจอด ไฟไชเรนวูบวาบ ตำรวจอีก 2 นายลงมาดู เข้าไถ่ถามตรีภพ และหญิงสาวเจ้าทุกข์ 


______________________________________________



ในโลกวิญญาณ ยอดหล้าก้าวมาในความมืด

“ท่านอาจารย์ ท่านอยู่ที่ใดกัน”

ยอดหล้าหลับตาลง สำรวมจิต แล้วลืมตาขึ้นใหม่ คล้ายมีม่านหมอกแห่งมิติเปิดออก เบื้องหน้ายอดหล้ากลายเป็นดินแดนเวิ้งว้างว่างเปล่า เบื้องล่างเป็นพื้นดินแตกระแหงไกลสุดลูกหูลูกตา ที่ขอบฟ้ามีเขาเป็นหินผาแหลม เสียดยอดระเกะระกะ ที่บนฟ้าดูโล่งกว้าง มีเมฆเคลื่อนพยับโพยม แปรรูปวูบวับอยู่ทุกวินาที ยอดหล้าก้าวไปในดินแดนนั้น


แก้วก้าวมาในคุ้มร้าง ในมือถือตะเกียงแบตเตอรี่ คุ้มร้างยามกลางคืนดูน่าสะพรึงกลัว แสงตะเกียงที่เคลื่อนที่ทำให้เกิดเงาวูบวาบ แก้วก้าวมาบริเวณเติ๋น บนยกพื้นมีตั่งวางซึงทิ้งไว้ แก้ววางตะเกียงลง หยิบซึงขึ้นมาลูบคลำ เหมือนมีความผูกพัน แล้วดีดซึงเบาๆ มีเสียงหัวเราะคิกคักฟังดูเย็นยะเยือก แก้วชะงักหันมา นางผัน นางเผื่อน ปรากฏร่างอยู่ตรงหน้าเป็นเงารางเลือน

“นายแก้ว” นางผัน นางเผื่อนถาม “ท่านทำอันใด”

แก้วไม่ตอบ ลุกขึ้น 

“ซึงของเจ้านางยอดหล้า” นางผัน นางเผื่อน ยิ้มเยาะ แววตาดูรู้ทัน “ใยท่านจึงลูบคลำ ราวรักใคร่มันยิ่งนัก”

นางผัน นางเผื่อน ก้าวมา มือลูบคลำ “ท่านใยไม่ลูบคลำข้าเจ้า”

แล้วยื่นหน้ามาคลอเคลียแก้ว “เหมือนกับซึงนั้นบ้างเล่า”

แก้วยืนนิ่ง หน้าเฉยชา ดวงตารำคาญ “ปล่อย.. ไปให้พ้นนะ”

แก้วสะบัด นางผัน นางเผื่อน กระเด็นไป แล้วลุกพรวดขึ้น ดวงหน้ากลายเป็นปีศาจ “ท่านใยทำกับข้าเจ้าดังนี้ หรือว่าท่านหวังไว้สูง” ยื่นหน้า กางมือเล็บงอก ดูคุกคาม “มิชอบนางข้าไท แต่วาดหวังเจ้านางสูงศักดิ์”

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ” แก้วตวาด

นางผัน นางเผื่อน แสยะปากเห็นเขี้ยวซับซ้อนราวฟันปลา ยื่นหน้าคุกคามแก้ว กึ่งล้อเล่นกึ่งจริงๆ แก้วผงะ มีเสียงกราดเกรี้ยวดัง “ผัน เผื่อน เจ้าทำอันใด”

ยอดหล้าปรากฏกายขึ้น ดวงตาเจิดจ้า จิกผมนางผันเหวี่ยงไปปะทะข้างฝา แล้วตวัดมือตบนางเผื่อนลอยละลิ่วไปกองใกล้กัน 2 นางกลายร่างเป็นธรรมดาถอยกรูดๆลนลาน แก้วตั้งตัวได้ นางผัน นางเผื่อน หมอบราบกับพื้น ยอดหล้ากรายตัวมาก้มดู

“พวกเจ้า ทำอันใด”

“เจ้านางเจ้า” นางผัน นางเผื่อนแก้ตัว “พวกข้าเจ้า แค่หยอกล้อนายแก้วเล่นเจ้า”

ยอดหล้าไม่ได้เชื่อ มองดูแก้ว แก้วไม่รับ ไม่ปฏิเสธ

“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ เจ้านาง”

ยอดหล้ามองปรามนางผัน นางเผื่อน 2 นางหลบตากราบกราน ยอดหล้ากรายกลับไปที่ตั่ง ณ จุดนั้นพลันมลังเมลืองเป็นงดงาม ยอดหล้าดีดซึงมากรีดเล่น แก้วก้าวไปใกล้

“เจ้านาง.. เจ้านางหายไปถึงสามวันสามคืน”

“เวลาในโลกวิญญาณ ไม่เท่ากับเวลาในโลกมนุษย์”

“เจ้านางพบเถรกระอำหรือเปล่าครับ”

ยอดหล้าขุ่นมัว หยิบซึงวางไว้ข้างตัว

“ข้าตามหาท่านอาจารย์ไม่พบ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับท่าน แล้วเจ้ารู้อันใด เรื่องทายาทครูบาสรีอีกบ้าง”

“มหาจรวยเคยบวชพระถึง 20 ปี แล้วสึกออกมาสอนพระธรรมชาวบ้าน และเป็นหมอเวทมนต์”

“บางที.. มันผู้นี้อาจรู้เรื่องท่านอาจารย์ของข้า”

ยอดหล้ารำพึงมองไปไกล แก้วมองยอดหล้า มีแววรักใคร่ลุ่มหลง



______________________________________________



คุ้มหลวงตั้งตระหง่าน รถของคุ้มแล่นมาจอดลง ตาทองลงมากับมหาจรวย มหาจรวยมองดูคุ้ม แล้วหลับตาลงสำรวมจิต แล้วลืมตาขึ้นใหม่ ภาพคุ้มหลวงที่งดงามเรืองรองอยู่ในแสงแดด บางจุดมลังเมลืองเป็นสีทอง เลือนไปเหมือนมีเงาดำทาบอยู่ทั้งคุ้ม มหาจรวยทอดถอนใจ


ในห้องสมุด แก้วนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เซ็นเช็คแล้วเลื่อนไปให้มหาจรวย

“ผมขอสมทบทุนในการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมด้วยครับ คุณมหา”

มหาจรวยมองแก้ว ข่มความรู้สึกไว้

“ผมขออนุโมทนาบุญด้วยครับ ขอให้บุญกุศลนี้จงช่วยคุ้มครองคุณให้พ้นจากมารใดๆทั้งปวง”

แก้วนิ่งอั้น มีแววระแวงระวัง มหาจรวยยิ้มนิดๆ


บริเวณคุ้ม พิมพ์ดาวกับแพทเดินเล่นกันอยู่ในสวน 

“สองสามวันมานี่ไม่มีเรื่องแปลกๆเลยนะคะ” แพทบ่น

“ที่พูดนี่อยากเจอใช่ไหมคะ”


แพทค้อนขวับ “ไม่เอานะคะ ขนาดไม่ได้เจอกับตัว หนูยังขี้ขึ้นไปอยู่บนสมองแล้ว”

พิมพ์ดาวกับแพทมองไปที่มุมหนึ่งของสวน มีการตั้งศาลเพียงตา มีเครื่องเซ่นสรวงเป็นขนม ผลไม้ ดอกไม้ จุดธูปเทียน มหาจรวยยืนหลับตาพนมมืออ่านอาคมอยู่ ตาทองถือขันเงินใส่ทรายสีขาวสะอาด สายใจ เฟื่องฟ้า ระริน คนงานชายทั้ง 2 ยืนพนมมือดูอยู่

“พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ

จงบังเกิดกำแพงแก้วล้อมรอบคุ้มหลวง ณ บัดนี้เถิด”

พิมพ์ดาวและแพทขนลุกเกรียว


ทันใดเกิดลมพัดกรูเกรียวมา ตาทอง เฟื่องฟ้า ระริน คนงานเลื่อมใส มหาจรวยพยักหน้า ตาทองก้าวมา มหาจรวยล้วงมือในขัน กำทรายเสกขึ้นมาเป่าพรวด แล้วเงื้อมือ

“หยุด!” แก้วตะโกนห้าม

มหาจรวยชะงัก ทุกคนหันไป เห็นแก้วเข้ามา หน้าตาเคร่งเครียด

พิมพ์ดาวกับแพทสบตากัน

“เอ้อ คุณแก้ว” ตาทองอึกอัก

 “ทำอะไรกัน” แก้วถาม

“ศาลอารักษ์ล้มไป คุ้มนี้ไม่มีอะไรคุ้มกัน ผมจะทำกำแพงแก้วล้อมคุ้มนี้ไว้ชั่วคราว”

แก้วมองมหาจรวยตาขุ่น มหาจรวยสงบ มีแววยิ้มนิดๆ

“เหลวไหล กำแพงแก้วอะไรกัน”

“คุณแก้วขอรับ มหาจรวยทำได้จริงๆนะครับ”

“คุณแก้วเจ้าขา ทำเถอะค่ะ เรื่องร้ายๆจะได้กลายเป็นดี” สายใจสนับสนุน

แก้วตวาด “ไม่! เลิกทำพิธีอะไรนี่เดี๋ยวนี้”

“โธ่ คุณแก้วครับ”

“อย่าขัดคุณแก้วเลย ลุงทอง”

ตาทอง สายใจ หน้าเสีย แก้วขบกราม ท่าทีอ่อนลงนิดหนึ่ง

“ไปส่งมหาจรวยให้เรียบร้อย ผมขอตัวก่อน คุณมหา”

แก้วหมุนตัวเดินจากไป มหาจรวยสงบนิ่ง ตาทอง สายใจ ทำหน้าขอโทษขอโพย

“คุณแก้วเป็นคนสมัยใหม่ เลยไม่เชื่อเรื่องพวกนี้น่ะ ท่านมหา”

มหาจรวยมองตามหลังแก้ว พลางยิ้มนิดๆ มหาจรวยมองมายังพิมพ์ดาว แล้วก้มหัวให้เหมือนทัก พิมพ์ดาวงงนิดๆ ยิ้มตอบ


“ใครหรือคะ” แพทถาม

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”


วันเสาร์ อาทิตย์ ไม่มีการถ่ายทำละคร พิมพ์ดาวอยู่หน้าตู้หนังสือในห้องสมุด เอามือระไปตามสันหนังสือเก่าทั้งพงศาวดารล้านนา ปู่เจ้าลาวจก พงศาวดารหริภุญไชย ราชวงศ์มังราย ตำนานเมืองเหนือ พิมพ์ดาวหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมา ปกแข็งเดินทอง แต่ไม่หนานัก ดูเก่าแก่ หน้าปกเขียนว่า พงศาวดารเวียงแก้ว พิมพ์ดาวพลิกอ่านอย่างสนใจ


ศาลากลางสวนมีการจัดอาหารกลางวันไม่มากนัก เพราะทีมงานและนักแสดงจำนวนหนึ่งออกไปข้างนอก

พิมพ์ดาวถือหนังสือพงศาวดารเวียงแก้วมา เห็นที่มุมหนึ่ง ตรีภพเอาหมอนมากองๆ แล้วนั่งเอนหลับอยู่ พิมพ์ดาวทำจมูกย่น เดินมานั่งไม่ห่างนัก แล้วมองดูตรีภพ พิมพ์ดาวนึกถึงตอนที่ทั้งคู่เอาหลังชนกันสู้กับพวกจิ๊กโก๋ พิมพ์ดาวอมยิ้ม ทันใดภาพหนึ่งก็แวบมา เป็นภาพเจ้านางดารารายในชุดผู้ชาย กับหลวงเทพในชุดชาวบ้าน ถือดาบในมือ ดารารายมีหน้าไม้สะพายด้วย เอาหลังชนกันสู้กับโจรป่า พิมพ์ดาวผงะ ดวงตาเบิกกว้าง 

“อะไรกัน“

ตรีภพสะดุ้งตื่น มองเห็นพิมพ์ดาว “หือม์.. อะไรน่ะคุณ”

“เปล่า ไม่มีอะไร”

“โธ่ ผมกำลังฝันสนุกๆอยู่เลย คุณมาทำผมตกใจตื่นซะได้”

พิมพ์ดาวหมั่นไส้ “นี่ที่สำหรับกินข้าว ไม่ใช่ที่สำหรับฝันหวาน”

“โธ่ เมื่อคืนนี้กว่าจะเสร็จเรื่องกับตำรวจ ก็เข้าไปตีสี่ กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า เออ คุณ เรื่องที่ผมกับคุณช่วยกันลุยเรื่องนักเลงน่ะ ผมถึงขั้นเก็บไปฝันเลยนะ”

พิมพ์ดาวหมั่นไส้มากขึ้น “ฝันอะไรอีกล่ะ ขยันฝันจริง”

“ผมฝันเห็นคุณกับผมหันหลังชนกันต่อสู้กับพวกโจร แต่แต่งตัวแบบโบราณ เหมือนเป็นยุคเดียวกับในละครเรื่องนี้”

พิมพ์ดาวตาเบิกกว้าง ตกตะลึงจังงัง “อะไรนะ”

“ก็แค่ผมฝันเพ้อเจ้อ ทำไมคุณต้องตกอกตกใจขนาดนั้น”

พิมพ์ดาวไม่ตอบ ทั้งพิศวงและหวาดกลัว


เที่ยงคืน คืนนั้น มาลารินก็วางยานอนหลับบีบีเพื่อที่จะหลบออกมานอกห้องอีก มาลารินในชุดนอนกรุยกรายเดินมาตามทางเดินเชื่อมเรือนต่างๆ ผ่านหน้าห้องหนึ่ง มีมือมาปิดปากมาลาริน มาลารินเบิกตากว้าง เจ้าของมือฉุดมาลารินเข้าห้องไป ราเชนทร์ปล่อยมือจากมาลาริน มาลารินตาวาว ตบผัวะเข้าเต็มแก้มราเชนทร์

“ยูทำบ้าอะไร”

“แล้วยูล่ะ ทำอะไร ดึกขนาดนี้ยังจะย่องไปไหน”

“ไอหิว กำลังไปหาของกิน”

ราเชนทร์หัวเราะก๊าก “ของกิน! ไส้กรอกหรือไส้อั่ว ยูจะไปกินไอ้ตรีล่ะซี”

มาลารินยักไหล่ “อดอยากปากแห้งมาหลายวันแล้ว”

มาลารินไปนั่งไขว่ห้างบนเตียง ชุดนอนแหวก เห็นชุดชั้นในสั้นจู๋ข้างใน

“คุณพิมพ์กับไอ้ตรีนี่ยังไงกันแน่ เป็นแฟนกันหรือเปล่า”

“เป็นหรือไม่เป็นไม่ใช่เรื่องของไอ”

“ยังไง จะกินแค่หนสองหนหรือ”

มาลารินกัดริมฝีปาก ครุ่นคิด “ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งชอบ.. ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

“เปลี่ยนใจยังไง”

“ไอจะแย่งคุณตรีมาจากยายพิมพ์ดาวให้ได้”

“เอ้า เวร”

“แล้วยูก็ต้องช่วยไอด้วย.. จัดการยายพิมพ์ดาวให้ไอที”

“งานถนัดอยู่แล้ว”


______________________________________________



มาลารินออกจากห้องราเชนทร์ เดินต่อไปตามทางเดินแล้วชะงัก เห็นตรีภพเดินอยู่ข้างหน้า ดูแข็งทื่อ มาลารินออกวิ่งตาม ตรีภพดวงตาไร้ชีวิตจ้องตรงไปเบื้องหน้า ก้าวไปในหมู่ต้นไม้ใหญ่

“คุณตรี สลีปวอลกิ้งอีกแล้วหรือ คุณตรี”

ตรีภพยังคงเดินไปตามถนนที่มีเพียงแสงจันทร์สลัวราง มาลารินวิ่งตามมา ร่างตรีภพข้างหน้า บางครั้งก็พร่าเลือน แล้วชัดใหม่ มาลารินชะงัก แล้วคิดว่าตนเองตาฝาด

”คุณตรีคะ รอลินซี่ด้วย”

ตรีภพหยุดเดิน หันมาช้าๆ มาลารินวิ่งสะดุดหินหกล้มถลา ร่างทะลุร่างตรีภพไปกองกับพื้น มาลารินรู้ทันที ตะกายพื้นหันกลับมาดู ตรีภพหันมาพลางยกมือทาบอก หัวเราะระริกระรี้ ภาพดูกระตุก พร่าเลือน วูบวาบดูวิปริต

ร่างตรีภพเลือนไปกลายเป็นนางผัน นางเผื่อน 2 นางยื่นหน้ามาใกล้ ดวงหน้ากลายเป็นปีศาจ มาลารินร้องกรี๊ด ออกวิ่งตะปึงกลับไปยังทิศทางของคุ้มหลวง นางผัน นางเผื่อน หัวเราะคิกคัก มองหน้ากันแล้วขยับตัววูบ ร่างพุ่งไปข้างหน้าเลือนหายไป มาลารินวิ่งล้มลุกคลุกคลานมาจนถึงคุ้มหลวง นางผัน นางเผื่อนตามมาทัน ทันใด เกิดกำแพงไฟสีน้ำเงินลุกโพลงแผ่ออกเป็นม่านไฟ นางผัน นางเผื่อน หวีดร้องดิ้นรน มีเปลวไฟสีน้ำเงินติดผม มือ ผ้าคาดอก เชิงซิ่น แล้วล้มลงกับพื้นแล้วหายไป ไฟจากตัวคุ้มสว่างขึ้น ตรีภพ พิมพ์ดาว ราเชนทร์ แพท ฐาปกรณ์ มาดามสุ ตาทอง สายใจ วิ่งมาดู มาลารินร้องโฮ วิ่งเข้ากอดตรีภพ

“ฮือ ผีค่ะ ผีหลอกลินซี่”

มาลารินเข่าอ่อน ตรีภพตวัดอุ้มขึ้น

“ผีอีกแล้ว อะไรกันนักหนา” ราเชนทร์ไม่เชื่อ

ฐาปกรณ์ มาดามสุอึ้ง ตรีภพมองพิมพ์ดาว

“ไปข้างในซีคะ” พิมพ์ดาวบอก

ตรีภพอุ้มมาลารินเข้าคุ้ม แพทกระซิบกับพิมพ์ดาว ”คุณลินซี่ใส่ชุดอะไรคะนั่น”

“เขาเรียกชุดเบบี้ดอลล์ค่ะ”

พิมพ์ดาว แพท ราเชนทร์ ฐาปกรณ์ มาดามสุเข้าตัวคุ้มไป 

สายใจมองตาทอง ตาทองกวาดตาดูอาณาเขตคุ้ม

“ยังไง พี่ทอง”

“มหาจรวยสร้างกำแพงแก้วได้สำเร็จน่ะซี”


ที่ผาน้ำตก ยอดหล้าก้าวไปดุจสายลม ชายผ้าคลุมไหล่สะบัดไหวไป ข้างหลังราวหมอกควัน เบื้องหน้าเป็นโขดหินสลับซับซ้อน ยอดหล้าก้าวพ้นแนวโขดหิน มีผาน้ำตกอยู่เบื้องหน้า แต่น้ำตกนั้นกลับวิปริต น้ำนั้นไหลย้อนขึ้นสู่เบื้องบน

“ท่านอาจารย์ ท่านอยู่ที่ใด ท่านอยู่ที่นี่หรือไม่”

หลังม่านน้ำคล้ายมีการเคลื่อนไหว

“เจ้านางน้อย”

ยอดหล้าเบิกตากว้าง ก้าวไปอย่างยินดี “ท่านอาจารย์”

หลังม่านน้ำตก มีร่างหนึ่งดูเป็นเงาดำ “ศิษย์ของข้า”

ยอดหล้าเขม้นมองแล้วเบิกตากว้าง เมื่อเห็นเงาดำทะมึนนั้นไร้ศีรษะ 

“ท่านอาจารย์! เกิดอันใดกับท่าน”

“จงปลดปล่อยข้า”

ทันใดมีเสียงนางผัน นางเผื่อน หวีดร้องแหลมยาว

“เจ้านางเจ้า ช่วยข้าเจ้าด้วย”

ยอดหล้าผงะ เสียสมาธิ


ที่คุ้มร้าง นางผัน นางเผื่อน ดิ้นรนไปตามพื้น ไฟอาคมสีน้ำเงินไหม้ติดผม ผ้าคาดอก ตามมือ และใบหน้า นางผัน นางเผื่อน หวีดร้องโหยหวน ฟังน่าสยดสยอง ยอดหล้าปรากฏกายขึ้น 

“ไฟอาคมของครูบาสรี”

นางผัน นางเผื่อน ยื่นมือวิงวอน “เจ้านางเจ้า ช่วยด้วย”

ยอดหล้าสำรวมจิต เป่าลมจากปากแผ่วเบา เกิดเป็นลมแรงกล้าโหมเข้าใส่นางผัน นางเผื่อน ไฟอาคมดับ

วูบลง เหลือเพียงควันโขมงอยู่ นางผัน นางเผื่อนดีใจ เข้ากอดเท้ายอดหล้า

“เจ้านางเจ้า เจ้ามหานั่นร้ายกาจนักเจ้า”

“มันสร้างกำแพงไฟไว้รอบคุ้มเจ้า”

ยอดหล้าหน้าบึ้งตึง ดวงตาเจิดจ้า


ที่ห้องพัก มาลารินเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งพิงพนักเตียง มีอาการหวาดตัว ตื่นเต้น บีบียืนหาววอดอยู่ใกล้ๆ ตรีภพ พิมพ์ดาว ราเชนทร์ แพท ฐาปกรณ์ มาดามสุ มีมี่ มูมู่ อัดแน่นอยู่เต็มห้อง

”ลินซี่คิดว่าเป็นคุณตรีก็เลยตามไป แล้วมันก็กลายเป็นผีผู้หญิงบอกว่ามันคือนางผัน นางเผื่อนค่ะ”

“ใคร ชื่อคุ้นๆ” บีบีเอะใจ

ตรีภพ พิมพ์ดาวมองหน้ากัน ฐาปกรณ์มองหน้าเมีย “เอาแล้วไง”

“นางผัน นางเผื่อน ข้าไทของเจ้านางยอดหล้าน่ะหรือครับ” ตรีภพถาม

“ค่ะ”

มีมี่ มูมู่ ตาเหลือก

“ผีผู้หญิง 2 ตัวใช่ไหมคะ หน้าตาเป็นคนใช้แต่สวย” 

“หนูสองคนก็เปิดซิง เจอมาแล้วค่ะ”

“นี่ หุบปากเลย” ฐาปกรณ์สั่ง

มีมี่ มูมู่ ค้อนขวับ ราเชนทร์สอด “แน่ใจนะว่าเธอไม่ได้ไปพี้ยาแล้วเห็นไปเอง”

มาลารินค้อนตาคว่ำ บีบีร้อง “ว้าย ลินซี่เป็นพรีเซนเตอร์ถนนสีขาวนะยะ”

ตาทองถือสายสิญจน์เข้ามา “คุณหนูสวมด้ายอาคมนี้ไว้นะครับ”

มาลารินรีบรับมายกมือไหว้ “ใช่แล้วค่ะ อีนกผีมันดึงสร้อยสายสิญจน์เส้นเดิมขาด”

“สวมเส้นใหม่แล้ว ทีนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ”

มาลารินพยักหน้า รีบเอาสายสิญจน์สวมหัว ตรีภพสบตาพิมพ์ดาว


ทางเดินเชื่อมเรือนในคุ้ม ตรีภพเดินมากับพิมพ์ดาว

“นางผัน นางเผื่อนอย่างนั้นหรือ”

“มีเจ้านาง ก็ต้องมีนางข้าไทซี”

ตรีภพชะงัก มองหน้าพิมพ์ดาว

“คุณจะบอกผมว่า เจ้ายอดหล้าไม่ได้เป็นแค่เพียงความฝันหรือ”

“ไม่รู้ซี แล้วช่วงนี้คุณไม่ได้ฝันถึงเธออีกหรือ”

“ไม่ได้ฝันถึงมา 3-4 วันแล้ว ก็ผมฝันถึงคุณแทนไง”

พิมพ์ดาวหน้าแดงวูบหนึ่ง แล้วเชิดใส่ “ฮึ”

“ก็ที่ผมฝันเห็นผมกับคุณสู้พวกโจรไง ผมไม่ได้แต่งเรื่องมาหลอกคุณนะ ผมฝันจริงๆ”

พิมพ์ดาวมองหน้าตรีภพ แต่ไม่ปริปาก

“นี่ ฉันค้นเจอหนังสือพงศาวดารเวียงแก้ว อ่านไปได้ 2-3 บทแล้ว”

“มีเรื่องเจ้ายอดหล้าไหม”

พิมพ์ดาวส่ายหน้า 


______________________________________________



ภาพพิมพ์ดาวและตรีภพกลายเป็นภาพในขันสาคร น้ำกระเพื่อมเป็นวง พิมพ์ดาวหายไป เหมือนตรีภพยืนรำพึงรำพันอยู่คนเดียว ยอดหล้ามองดูภาพในขันสาครด้วยความรัก ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปรกติ นางผัน นางเผื่อน หน้าตาเสื้อผ้าดีขึ้น แต่ก็ยังอ่อนแรง แก้วก้าวมา

“มาแล้วหรือ” ยอดหล้าหันมา แก้วยืนนิ่ง นางผัน นางเผื่อนค้อนควักแก้ว

“ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้ ว่านเครือครูบาสรี ทำกำแพงแก้วมนตราล้อมคุ้มหลวงได้”

“ผมไปห้ามแล้ว แต่มหาจรวยเจ้าเล่ห์กว่าที่ผมคิด”

ยอดหล้ายิ้มเยาะ ดวงตาอาฆาต

“ครูบาสรีชั่วช้าสามานย์ ร้ายกาจกว่าอสรพิษ วงศ์วานว่านเครือมันก็คงไม่ผิดกัน”

“เจ้านางรับปากผมแล้วว่าจะไม่ทำร้ายใครอีก”

แก้วเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย ยอดหล้าเลิกคิ้ว

“ผันกับเผื่อนแค่สั่งสอนนังแพศยานั่น”

“แต่ถ้าไม่มีกำแพงแก้วกั้นไว้ คุณลินซี่อาจจะถึงตายใช่ไหม”

นางผัน นางเผื่อนค้อนแก้ว ยอดหล้าพูดยิ้ม เหมือนไม่พอใจท่าทีแก้วเลยแกล้งยั่ว

“ใช่ ถ้ามันยังมาตอแยพี่เทพของข้าอยู่”

“เจ้านาง ได้โปรดเถอะ”

ยอดหล้าหันกลับไปนั่งลงบนตั่ง นางผัน นางเผื่อนคลานไปเกาะเท้า

“เจ้านางเจ้า แล้วเจ้ามหานั่นละเจ้า”

“แล้วกำแพงมนตราของมันด้วยเจ้า”

“กำแพงนั่นอยู่ได้เพียงเจ็ดวันก็จะเสื่อมลง ข้าคงไม่ต้องทำอันใดหรอก”

แก้วมีแววโล่งอกนิดหนึ่ง

“แต่เจ้าหมอผีนั่นกล้าดีมาท้าทายข้า ข้าน่าจะไปเยี่ยมเยียนมันดูบ้าง”

แก้วตกใจแต่ก็ไม่กล้าทัดทาน นางผัน นางเผื่อน ตาวาว

“ดีเจ้า ไปล้างแค้นมัน”

“เจ้านางต้องสั่งสอนมันนะเจ้า”

ยอดหล้าลุกขึ้น นางผัน นางเผื่อนลุกตาม ร่างของทั้งสามกลายเป็นหมอกควันพุ่งไป


มหาจรวยนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ทันใดมีลมวูบหนึ่งพัดมาถึงตัว พร้อมกับเสียงรักยมแผ่วเบาหวีดหวิว 2 เสียงพูดพร้อมกัน “พ่อจ๋า อันตราย อันตราย”

มหาจรวยลืมตาขึ้นช้าๆ มีอาการหวั่นไหวเล็กน้อยแล้วสงบลง ลุกขึ้นยืน

ทันใด ประตูหน้าต่างก็เปิดผ่างออกแล้วกระแทกเปิดปิด ฝูงอีกาบินมาเป็นร้อย เข้าบินวนจิกตีของในเรือน รูปที่แขวนไว้ร่วงกราว โต๊ะหมู่บูชาล้มทลาย มหาจรวยคว้าพระพุทธรูปมาแล้วเป่ามนต์ไป เกิดเป็นแสงจ้า ฝูงกาผงะ บินหนีไป มหาจรวยยืนนิ่ง ทันใดเรือนก็เขย่าไหว ที่หน้าต่าง ใบหน้ามหึมาของนางผัน นางเผื่อน ปรากฏขึ้น พลางหัวเราะเย้ยหยัน

“ไอ้หมอผี ข้ามาแล้ว”

“กำแพงของเจ้า ทำอันใดข้าไม่ได้”

มหาจรวยหยิบของสิ่งหนึ่งบนพานมา เป่าพรวด ไม้แกะสลักเป็นรูปรักยมพุ่งจากมือเข้าใส่ใบหน้านางผัน นางเผื่อน นางผัน นางเผื่อนผงะ หายวับไป


นอกเรือนมหาจรวย นางผัน นางเผื่อน ในร่างอสูรกายมหึมายืนค้ำเรือน มีจุดแสงเป็นร่างกุมารเล็กๆ 2 ร่าง เข้าลอยวนเวียน โจมตีนางผัน นางเผื่อน คล้ายผึ้ง นางผัน นางเผื่อนปัดป้อง ไขว่คว้าไม่ได้ โดนจุดแสงนั้นเข้ากระแทกโจมตีไม่ขาดระยะ นางผัน นางเผื่อนร้องวิ้ดยาว หดร่างลงล้มกลิ้งกับพื้นดิน  จุดแสงนั้นพุ่งตามลงมา กลายเป็นเด็กหัวจุกหน้าตาน่าเอ็นดู 2 คน นางผัน นางเผื่อน มองเลยรักยมไปแล้วยิ้ม 2 กุมารรักยมตกใจ หันขวับไป เห็นยอดหล้ายืนอยู่ ดูมืดทะมึน แต่ดวงตานั้นคล้ายมีจุดแสงเรืองรองเจิดจ้า 2 กุมารยกมือป้องหน้าหวีดร้อง แสงจ้าเข้าปะทะร่าง 2 กุมารจนแสงกลบตัว


2 กุมารรักยมคืนร่างเป็นตุ๊กตาไม้แกะ กลับคืนสู่มหาจรวย เกิดจุดแสงสว่างขึ้นกลางเรือน ยอดหล้ายืนเด่น นางผัน นางเผื่อนอยู่เบื้องหลัง ยอดหล้าปรายตาดูมหาจรวยอย่างเยาะๆ

“ลุกขึ้นเถิด ไม่ต้องคุกเข่าให้ข้าหรอก”

“ยังไง เจ้านางก็เคยเป็นราชธิดา เจ้าเหนือหัวของวงศ์วานข้า”

มหาจรวยก้มศีรษะให้ ยอดหล้าพิศวง มหาจรวยลุกขึ้นช้าๆ นางผัน นางเผื่อนค้อนควัก

“ดีจริง เจ้ายังรู้ตัว รู้ฐานะของเจ้า”

“วงศ์วานข้าจงรักภักดีต่อเวียงแก้วมาตลอด”

“งั้นเจ้าก็ควรภักดีต่อข้าด้วย”

“มิได้หรอก เจ้านางยอดหล้า เพราะวงศ์วานข้าให้คำมั่นกับเจ้าหลวงแสงอินทร์แล้ว”

“คำมั่นอันใด”

“ว่าจะคอยดูแลเวียงแก้ว และกักขังท่านไว้ในคุ้มร้างตลอดไป”

“โอหังบังอาจ”

“ขออภัยเถิดเจ้านาง”

ยอดหล้ากรายตัวยิ้มเยาะ

“หากเจ้าเก่งดังปากว่า ใยข้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้”

“แล้วท่านรู้หรือไม่ ว่ายิ่งห่างจากคุ้มร้างเท่าใด อำนาจของท่านก็ลดลงเท่านั้น”

ยอดหล้าหวั่นไหว เบิกตากว้าง มหาจรวยพลันสะบัดมือออก เกิดเป็นกำแพงไฟสีน้ำเงินลุกขึ้นล้อมรอบ ยอดหล้า นางผัน นางเผื่อน ทั้งสามตกใจมองตาม กำแพงไฟไหลบรรจบเป็นวงกลม ล้อมยอดหล้าและนางข้าไทไว้ภายใน นางผัน นางเผื่อนร้อนรน หน้าบิดเบี้ยว ยอดหล้าเชิดหน้า

“ไฟของเจ้าชุ่มเย็นนัก”

ยอดหล้าเป่าลมจากปาก พัดไฟนั้นโถมเข้าใส่มหาจรวย มหาจรวยผงะ ไฟดับวูบลง ยอดหล้ายิ้มเยาะ มหาจรวยชื่นชม

“เจ้านางยอดหล้า รู้หรือเปล่า ว่าท่านมีบุญบารมีสูงส่งนัก”

“เจ้าพูดอันใด”

“ข้าพูดคำจริง บุญบารมีที่ท่านสั่งสมมาสูงส่งยิ่งนัก ท่านไม่ควรเดินทางผิด ให้ราคะโทสะบังตา จนต้องกลายเป็นปีศาจอสูรกายอย่างนี้”

“อย่ามาอวดดีสั่งสอนข้า จงบอกมาว่าปู่ทวดเจ้า ครูบาสรีผู้โฉดชั่วทำอันใดกับท่านอาจารย์ของข้า”

มหาจรวยหวั่นไหว “ข้าไม่รู้เรื่องนี้”

“เจ้าโกหก”

ขาดคำยอดหล้าก็เป่าลมจากปากแผ่วเบา แต่กลับบังเกิดลมพายุแรงกล้าในเรือน มหาจรวยเซหลุนๆไป ข้าวของในเรือนขยับไหว ปลิวขึ้นลอยในอากาศ ม้าหมู่ชิ้นหนึ่งลอยเข้ากระแทกหัวคิ้วมหาจรวย เลือดไหลปรี่

“จงบอกมา”

ลมพายุพัดเอากล่องไม้ลงอาคมลอยหวือหมุนวนมนอากาศ มหาจรวยตกใจ รีบคว้าไว้แนบอก

ยอดหล้าครุ่นคิด “มีอันใดในหีบนั้น”

มหาจรวยมองยอดหล้า มีพิรุธ ยอดหล้าเบิกตากว้าง “จงบอกข้ามา”

ทันใดมีเสียงไก่ขันแว่วมา พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า ยอดหล้าชะงัก นางผัน นางเผื่อนตกใจ ลนลาน ทั้งสามกลายเป็นกลุ่มควันพุ่งเข้าปะทะมหาจรวย แล้วพุ่งเข้าปะทะประตูเรือนหลุดกระเด็น กลุ่มควันพุ่งหายไป มหาจรวยเซซัง แต่ยังกอดกล่องอาคมไว้มั่น แล้วคลายมือออกมองดูกล่องอาคมนั้น เห็นภาพศีรษะเถรกระอำซ้อนวูบขึ้น

 

 

 

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 12บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 10บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9
 
 
 
ชมทีวีออนไลน์ช่อง 5 แบบสดๆ ได้ที่นี่
ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง
     Facebook.com/TVSociety