รีเซต

สัมภาษณ์พิเศษ!! เปิดทุกมุมมองของ แพนเค้ก นางฟ้าคิดบวก!!

สัมภาษณ์พิเศษ!! เปิดทุกมุมมองของ แพนเค้ก นางฟ้าคิดบวก!!
Entertainment Report_1
9 สิงหาคม 2559 ( 19:41 )
1.5K

ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว จากเด็กสาวที่เป็นนักวิ่งของโรงเรียนสู่เวทีประกวดรันเวย์ จุดเปลี่ยนที่ทำให้กลายเป็นซูเปอร์โมเดลแนวหน้าของไทย และได้ก้าวสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ล่าสุดกับซีรีส์ True Love Story เพราะเธอคือรัก และนางฟ้าไร้ปีก ทางช่องทรูโฟร์ยู แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ นางเอกทั้งในจอและนอกจอที่หลาย ๆ คนยกให้เธอเป็นนางฟ้าตัวจริงทั้งความคิดและสิ่งที่ทำ ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดที่ดีมาจากคุณแม่ จึงทำให้แพนเค้กในวันนี้เป็นที่รักของทุกคนได้อย่างไม่ยากนัก

เนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนของแม่ นิยามคำว่าแม่ของเราคืออะไร

ยอดมนุษย์เลยค่ะ แม่เป็นผู้หญิงที่ไม่มีคำว่าไม่ได้ คือทุกอย่างจะลองก่อน จะพยายามจนถึงที่สุด หรือถึงแม้ถ้าจะไม่ได้แบบหนึ่ง เราก็ต้องมีอะไรที่ดีกว่าอีกแบบหนึ่ง เพื่อมารองรับกัน หรือมีวิธีในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้เสมอ เหมือน Wonder woman ค่ะ ทุกอย่างจะเรียกว่าดีที่สุดสำหรับลูก ๆ ดีกว่า ก็เป็นหญิงแกร่งเสมอ ตั้งแต่เด็กจนโตมาก็จะเป็นภาพนี้ตลอดค่ะ

ที่เป็นแพนเค้กได้ทุกวันนี้ มีอะไรที่เราได้จากแม่บ้าง
ก็คงทุกอย่างเลยมั้งคะ อาจจะเป็นการโคลนนิ่งกันออกมา ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันตลอด และแม่เป็นคนที่เลี้ยงแพนเองเพราะฉะนั้นเราก็จะซึมซับในวิถีชีวิต ความคิด การดำเนินชีวิตค่ะ บางทีอะไรที่แม่ชอบก็มาอยู่ที่ตัวเราหรือบางทีอะไรที่เขาอยากให้ เขาอยากทำแต่ไม่มีโอกาสได้ทำ เขาก็อยากให้เราได้มีโอกาสได้ทำดูบ้างค่ะ ก็เป็นอะไรใหม่ ๆ ที่เราได้ลองได้เรียนรู้กัน

การทำงานที่ผ่านมามีรางวัลการันตีไม่น้อย มีหลักในการทำงานอย่างไร
ทำด้วยใจและทำให้เต็มที่ทุกครั้งค่ะ จริง ๆ ก็เริ่มจากโอกาสที่ได้มา และเมื่อได้มาแล้วเราก็ต้องทำทันทีค่ะ และสิ่งหนึ่งที่คุณแม่จะพูดเสมอคือบางทีสิ่งที่เราทำมันอาจจะถูกหรือไม่ถูกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราเลือกที่จะก้าวก่อน ก้าวเร็วไว้ก่อนเพื่อจะได้เรียนรู้ก่อน มันก็เป็นสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด แล้วก็ไม่ต้องทำเหมือนใคร คือบางทีความต่างอาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้ ก็เลยคิดว่าความไม่เหมือนไม่ได้แปลว่าไม่ใช่ สิ่งที่ทุกคนทำมาโดยตลอด ไม่ได้แปลว่าเราต้องอยู่ในแพตเทิร์นแบบนั้น เพราะฉะนั้นยืนอยู่บนความเป็นตัวของเราเอง แล้วก็ทำในสิ่งที่เรามีโอกาสได้ทำค่ะ

สิ่งที่ได้จากงานช่วยเหลือสังคม
จริง ๆ ก็เป็นเรื่องของการให้ค่ะ ปกติกิจกรรมเหล่านี้ครอบครัวทำกันอยู่แล้ว โอเคการเข้าวัดทำบุญทุกคนทำ แต่การให้ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ก็แล้วแต่ว่าใครถนัดหรือว่าชอบแบบไหน ซึ่งของแพนที่บ้านชอบทำกิจกรรมกัน เราก็จะวิ่งบ้าง เล่นคอนเสิร์ตบ้าง เป็นการกุศลแบบนี้ค่ะ เออ เตะฟุตบอลการกุศลบ้าง หรือบางทีจัดกิจกรรม Kids Angle Contest ค้นหาเด็กดีมีจิตอาสา เพื่อนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับมูลนิธิต่าง ๆ ก็เป็นการให้ในอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งรู้สึกว่าอย่างแรกเลยมันเป็นความสุขมั้งคะ เป็นความอิ่มเอมในสิ่งที่เราทำ แล้วเราก็ให้โดยที่ไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรว่าทำแล้วมันจะเป็นอะไรยังไงต่อไป แค่เรามีความตั้งใจที่จะทำ เราก็มีความสุขแล้วในหลาย ๆ ครั้ง แพนว่าเราได้มีโอกาสร่วมกับโครงการดี ๆ เยอะแยะมากมาย ในประเทศ ต่างประเทศหรือตรงไหนเท่าที่เวลาเราจะเอื้ออำนวยทำได้ ไม่ใช่ว่าทำแต่ charityอย่างเดียวหรือว่าโอ้โหงานปกติจะไม่ทำแล้วไม่ใช่นะคะ คือถ้ามีโอกาสทำได้ เราก็ยินดีที่จะทำ ถ้ามีคนที่เขาอยากให้เรามีส่วนร่วมตรงนั้นจริง ๆ แพนก็คิดว่าอย่างน้อยกำลังเรามี ณ วันนี้ เราได้อะไรมาเยอะ เราน่าจะมีโอกาสคืนกลับไปให้กับสังคมตรงนี้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ

เวลาเจอปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ เรามีวิธีคิดยังไง
แล้วมันก็ผ่านไป ก็จะคิดแบบนี้ว่าเออเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป ไม่มีเรื่องอะไรที่มันจะอยู่กับเราได้นานจนเกินไป บางทีเดี๋ยวพอสุขมาก ดีใจมาก ก็ต้องกลับมาบอกตัวเองว่า เฮ้ย เดี๋ยววันนี้ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ๆ เลย หมายถึงว่าก็จะพยายามคานกันเอาไว้ว่า อย่าให้มันเยอะจนเกินไป หรือบางทีถ้าจะเศร้าถ้าจะอะไรก็แล้วแต่ มันก็ไม่ควรต้องจมกับเรื่องราวอะไรเหล่านั้นนานจนเกินไป เราก็ยังต้องเดินหน้าต่อ ยังต้องทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง เพราะฉะนั้นก็คงคิดให้มีความสุข แพนว่าชีวิตเราไม่ควรต้องซับซ้อนอะไรมากมาย แค่คิดอย่างมีความสุข คิดในมุมที่ดีก็น่าจะโอเคแล้วค่ะ

ไอดอลการใช้ชีวิตและการทำงานของแพนคือใคร
มุมมองในการใช้ชีวิตก็คงไม่พ้นคุณแม่ เพราะว่าเราก็เป็นแบบมาโดยตลอดเราก็เห็น ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เราเป็นคือสิ่งที่ดีที่สุดนะคะ แต่มันก็เรียกว่าดีที่สุดในแบบของเรา วิธีคิดที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับคนอื่น แพนว่ามันก็ทำให้ตัวเราเดินได้อย่างมีความสุขด้วยค่ะ ถ้ามุมมองของคนที่ทำงาน จริง ๆ แล้วเเราก็ได้เรียกว่าเก็บเกี่ยวอย่างละเล็กอย่างละน้อยดีกว่า เพราะทุกคนก็มีข้อดีของตัวเองกันหมดอยู่ที่ว่าเราจะจูนตรงกับวิธีดำเนินชีวิตของใครในรูปแบบไหนค่ะ

ตอนนี้เรียกได้ว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยัง
ถ้าถามแพนในแต่ละวัน มันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนในทุก ๆ วัน แต่ถามว่ามันดีที่สุดไหม แพนว่าเราวัดกันแต่ละวันดีกว่าว่าในแต่ละงานที่เราทำ เราทำกับเขาเต็มที่มากน้อยแค่ไหน เพราะว่าสิ่งที่เราทำในวันนี้มันก็เป็นผลในวันพรุ่งนี้ต่อ ๆ ไป เราก็ให้มันมีแต่สิ่งดี ๆ ค่ะ
คิดว่าเราในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง
แพนคงเรียนจบแล้ว และอาจจะได้ทำรายการที่เป็นของตัวเองสักรายการหนึ่งที่เราชอบ อาจจะมีความมั่นคงในเรื่องของการทำงานหลาย ๆ อย่าง มีอะไรที่มีโอกาสดี ๆ หลาย ๆ อย่างที่เราได้ลองและพัฒนามันมากขึ้น ได้ทำอะไรที่เราอยากจะทำจริง ๆ บ้าง อยากจะไปไหนอยากทำอะไรควบคู่ไปกับการทำงานของเราด้วย ก็คงให้เวลากับเราได้ทำอะไรบ้างค่ะ

สามารถติดตามบทสัมภาษณ์ของแบบเต็มของ “ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ซุปตาร์นางฟ้าคิดบวก ในคอลัมน์ the Idol นิตยสาร plookฉบับเดือนสิงหาคม2016 หรือที่ http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/guidance/26017