รีเซต

จบเนอะ! พิงกี้ ไหว้กอดขอโทษ ธัญญ่า ออกทีวี อีกฝ่ายยัน ถ้าเฟคคงทำงานด้วยไม่ได้!

จบเนอะ! พิงกี้ ไหว้กอดขอโทษ ธัญญ่า ออกทีวี อีกฝ่ายยัน ถ้าเฟคคงทำงานด้วยไม่ได้!
Entertainment Report_1
18 พฤษภาคม 2561 ( 18:26 )
14K

หลังจากมีปัญหากันมานานกว่า 8 ปี จนได้ฉายา เมียหลวงลวงสังหาร และ ส่าหรีลี้รัก สำหรับสาว ธัญญ่า ธัญญาเรศ กับ พิงกี้ สาวิกา ล่าสุดทั้งคู่ก็ได้มีโอกาสโคจรกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในโครงการของ ททท. ซึ่งงานนี้ทำเอาทุกคนฮือฮาหนักมาก เพราะยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงผ่านหน้าสื่อ แต่เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งจริงๆ มาในตอนนี้ทั้งสองกลับมาร่วมงานและเจอกันได้อย่างสนิทใจ แต่หลายคนก็ยังไม่เชื่อว่ามันคือเรื่องจริง ต่างมองว่ามันเป็นการเฟคซะงั้นทั้งคู่ก็ได้พูดถึงความรู้สึกเหล่านี้ให้ฟัง

 

 

 

ความรู้สึกจากกระแสการออกงานคู่กันรู้สึกยังไง?

พิงกี้ :  “มันเป็นเหมือนประวัติศาสตร์ ตั้งแต่วันถ่ายโปสเตอร์แล้วทุกคนที่นั่นบอกว่า ขอเก็บภาพก่อนเพราะมันคือภาพประวัติศาสตร์ และงานในวันนั้นมันอบอวลไปด้วยพี่ๆ นักข่าว และหลายๆ สิ่งอย่างความรู้สึก เอาเป็นว่าวันนี้มันจบลงด้วยดีมาก แล้วก็มีพลังงานที่เกิดขึ้นดีๆ ตอนนี้ที่กี้รู้สึกแฮปปี้มากและดีมากจริงๆค่ะ”

ธัญญ่า : “ต้องบอกก่อนว่าตื่นเต้น เราก็มีอดีตมาด้วยกันนะ แล้วก็ไม่ได้เจอกันเลยและไม่ได้เคลียร์กันมาแบบดีๆ เลย ก่อนหน้างานนั้นเราได้เจอกันมา 3 วันเนอะ วันแรกคือวันประชุม ต้องบอกว่าความตื่นเต้นตั้งแต่วันแรกมันตื่นเต้นมาก เราไม่ได้คุยกันเลย นั่งตรงข้าม มีเหลือบมองนิดหน่อย ยอมรับว่าเขินมาก วันที่สองก็ถ่ายโปสเตอร์ ก็จัดห้องแต่งตัวคนละห้องกัน แต่ตอนที่มาเจอกันคือทำงานเลย ตอนนั้นคือวินาทีที่ตื่นเต้นที่สุด แล้วตอนที่ถ่ายเดียวยังไม่มีคนมายืนดูเลย แต่พอถ่ายคู่คนมามุงดูเยอะมาก เชื่อว่าทุกคนก็ตื่นเต้นแบบเรา อยากเห็นว่าภาพจะเป็นยังไง”

 


พี่เป๊กอยู่ด้วยตลอด อยากรู้ว่าเค้าทำหน้ายังไง?
ธัญญ่า : “จริงๆ พี่เป๊กเค้าก็อยู่ด้วยตั้งแต่วันประชุมแล้วแหละ จริงๆ เค้าก็ตื่นเต้นเพราะว่าเค้าก็เป็นคนที่ต้องตื่นเต้นที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งวันประชุมก็แกล้งเค้าก่อนที่กี้จะมา ก็แกล้งพูดใส่เค้าว่า แหม ดูมีความสุขจังเลยนะ แล้วถ้าธัญญ่าอาละวาดขึ้นมา พี่จะทำยังไง”

หลังจากร่วมงานกันก็วิจารณ์กันเยอะมาก?
พิงกี้ :  “เค้าก็คิดว่าเราเล่นละครกัน คือมันไม่ได้อ่ะ เพราะมันเป็นชีวิตจริง และความรู้สึกจริงๆ ค่ะ”

 

 

วันแรกที่เจอหน้าพี่ญ่า เป็นยังไง?
พิงกี้ :   “ก็เดินมาสวัสดีพี่ญ่า แล้วก็โอ้โหตื่นเต้นอ่ะ ณ ตอนนี้เราไม่เคยเห็นเค้าแบบนี้ เราก็แอบมองเค้า พอครั้งที่สองก็ไปกินข้าวก็เริ่มเขิน เราก็เข้าไปกอดพี่ธัญญ่าก่อนเลยค่ะ แรกๆ มันก็เขินๆ พอถ่ายไปเรื่อยๆ มันก็โอเคแล้วอ่ะ”

วันที่พี่เป๊กบอกว่าร่วมงานกับน้อง พี่ญ่าว่าไง?
ธัญญ่า : “คือก่อนหน้านี้มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ว่าร่วมงานกับน้องได้มั้ย เราก็บอกว่าได้ ซึ่งเราก็ไม่คิดว่ารวดเร็วขนาดนั้น พี่เป๊กก็มาถามว่าถ้าให้ร่วมงานกับพิงกี้ได้มั้ย ตามที่สัมภาษณ์ เราก็คิดไป 3 วินาที ว่าเราจะร่วมงานได้จริงตามที่พูดมั้ย เราก็ตอบว่าก็ได้นะ เพราะว่าระยะเวลาที่เราทะเลาะกันมาก็ 8 ปีแล้ว แล้วช่วงนั้นกี้เค้าก็ผ่านการแต่งงานมา เจอเรื่องนั้นนี้มา เราก็รับรู้ตลอด เราก็มานั่งคิดว่ายังโกรธเค้ามั้ย ไม่นะ ก็ไม่โกรธอ่ะ แต่กับพี่เป๊กที่จะเข้ามาถาม คงคิดมาแล้วหลายอาทิตย์”

พิงกี้ :  “สำหรับหนูถ้าเป็นพี่เป๊กติดต่อมาเองหนูไม่รับแน่นอนค่ะ เพราะว่าอะไรที่เป็นพี่เป๊กหนูไม่รับแน่นอน คนที่ติดต่อมาคือพี่ทีมงานค่ะ แรกๆ เราก็คิดว่าฟังผิดรึเปล่า เราก็ถามกลับว่าใครคิดอ่ะโครงการนี้ เค้าก็บอกว่าผู้ใหญ่คิด พอเราฟังประมาณ 4-5 รอบ เราก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเลือกเรา”

 

 

แม่ว่ายังไงบ้าง?
พิงกี้ :   “แม่บอกว่าต้องสะสมเงินเพื่ออนาคตนะลูก คือเราไม่สนใจอะไรค่ะ นอกจากเราได้ทำงานและได้เลี้ยงครอบครัวตัวเอง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราได้ทำงานแล้วได้เจอสิ่งที่ดี มันก็เป็นสิ่งพิเศษนะคะ”
ธัญญ่า : “ขอถามอะไรหน่อย กลัวพี่มั้ย เพราะเรามันมีรังสีอำมหิตอยู่”
พิงกี้ : “ไม่เลยค่ะ”

 

 

แม่รู้สึกยังไงบ้างกับเหตุการณ์ครั้งนี้?
แม่อ้อย :  “โดยปกติแม่เป็นคนใจดี มีธรรมะในใจที่ธัญญ่ากับกี้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน คนเราถ้าเอาชนะใจตัวเอง ไม่โกรธไม่เกลียดแล้วก็มีความเมตตาจิตต่อกัน มันเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด แม่สบายใจร้องไห้เลยนะ แต่ว่ากี้ไม่รู้ อย่างน้อยก็ได้เคลียร์ตัวเอง และเป็นเยี่ยงอย่างให้คนเห็นว่าไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ รักกันดีกว่าเกลียดกัน”

ถ้าไม่ใช่โปรเจ็คของพี่เป๊กจะทำงานด้วยกันมั้ย?
ธัญญ่า : “เอาเป็นว่าจะมีใครมากล้าขอให้เราทำงานบ้างดีกว่า 8 ปีผ่านมาไม่เคยมีใครติดต่อเราให้ทำงานด้วยกันเลย แต่ตัวธัญญ่าถ้าไม่โอเค เราก็จะไม่รับทำแม้ว่าจะจ้างด้วยเงินเท่าไหร่ก็ตามที มันคือความารู้สึกไง ในเมื่อความรู้สึกเรามันผ่านไปแล้วไง”

 

 

คนมองว่าเราเฟค ทำเพื่อเงิน? 
ธัญญ่า : “โครงการที่พี่เป๊กทำเป็นโครงการของ ททท. ซึ่งถ้าจะมาถามว่าเราได้เงินเยอะมั้ย เราได้ไม่เยอะค่ะ เพราะมันมาจาก ททท. ถ้าอยากได้เยอะต้องไปขอจากพี่เป๊กค่ะ ที่ต้องเอาเงินส่วนตัวมาให้”

วันที่ไปถ่ายแบบ พี่เป๊กกับคุณแม่พิงกี้ได้คุยกันมั้ย? 
พิงกี้ :  “แยกห้องกันนะคะ เพราะห้องกี้จะมีช่างแต่งหน้ากับแม่ แล้วพี่เป๊กไม่ได้เดินมาห้องเราเลยค่ะ”

 

 

8 ปีที่ผ่านมาเคยอยากจะนัดเจอกันเพื่อเคลียร์มั้ย?
พิงกี้ : “มันก็เคยเจอกันตามงาน ตอนนั้นพี่ญ่าก็มีรังสีอำมหิตอยู่นะคะ แต่ตอนนี้เค้าน่ารักค่ะ คือด้วยวัยด้วยแล้วกี้ก็ผ่านเรื่องราวประสบการณ์ในชีวิตมาด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ทำให้เรากลับมามองตัวเองและแก้ไขต่างๆ ให้ดีขึ้นค่ะ คงเข้าใจคือมองหน้าก็เหมือนผ่านอะไรมาเยอะ อยากให้ความรู้สึกนี้มีมาตลอดค่ะ”

ที่เราเข้าไปตอบคอมเม้นท์ “เมียกับกิ๊กมาเจอกัน”?
พิงกี้ : “คือเราก็ทำยังไงอ่ะ ไม่รู้จะพูดยังไง ที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นเยอะ แล้วเราก็เข้าใจ รู้สึกว่าเราโตพอ เป็นคนที่แบบมองทุกอย่างแล้วเข้าใจ การที่เราวิจารณ์ใครก็จะกลับมามองตัวเอง ถ้าเราวิจารณ์ใครแล้วไม่มองตัวเอง เราก็จะไม่ได้รู้ตัวเรา”

 

 

คนมองว่าธัญญ่าใจกว้าง? 
ธัญญ่า : “มันไม่ใช่ความใจกว้างนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนจะรู้ว่า เมียหลวงลวงสังหาร เป็นคนที่ขี้หึง แต่มันผ่านมาแล้วอ่ะ เรามีประสบการณ์ชีวิตเยอะขึ้น เราจะมานั่งหึงหวงหรือทะเลาะทำไม มันผ่านมาแล้วอ่ะ 8 ปีนั้นมันนานนะ ต้องบอกว่าตัวเองเป็นคนที่โกรธและพร้อมจะพังทลาย แต่เอาจริงเราเป็นคนที่ลืมง่าย ถ้ามันไม่เกิดขึ้นซ้ำ”

คิดยังไงกับบทเรียนชีวิต?
พิงกี้ : “กี้คิดว่าพอเราได้มาแต่งงาน มารู้ความรู้สึกเราจะรู้สึกแบบเค้า พอเรามีครอบครัวแล้วเจอแบบพี่ญ่าเหมือนกัน เราก็เข้าใจอ่ะค่ะ คือก็ต้องถอยออกมาอ่ะค่ะ มาตั้งหลักกับชีวิต เราคิดว่าอะไรที่ไม่สามารถเราไปทำอะไรได้ เราก็ปล่อยไปแล้วกันค่ะ”

 

 

การที่กลับมาคืนดีกันได้เพราะพี่เป๊กเป็นกาวใจมั้ย? 
ธัญญ่า : “ไม่เรียกเป็นกาวใจแต่เรียกว่ามีโครงการดีๆ ที่มาทำให้เราสองคนมาเจอกัน ร่วมงานกัน”
พิงกี้ : “ขอบคุณพี่เป๊กด้วยค่ะที่ทำให้เรากับพี่ญ่าได้มาเจอกัน”

แล้วพิงกี้กับพี่เป๊กเคลียร์กันรึยัง? 
พิงกี้ : “คือไม่มีอะไรต้องเคลียร์ค่ะ เพราะว่าเวลามันผ่านมา ทำให้รู้เองว่าอะไรคืออะไร ถือว่าเป็นพี่อ่ะค่ะ”

 

 

เรื่องที่ผานมาทั้งหมด พี่ธัญญ่าอโหสิกรรมให้น้องได้จริงมั้ย?
ธัญญ่า : “ถ้าไม่อโหสิกรรมคงไม่มาเจอมาทำงานแบบนี้หรอก คนเราถ้าเกลียดใครมันเฟคไม่ได้หรอกนะ เพราะฉะนั้นลืมไปเลยเรื่องอดีตที่ผ่านมา มองไปข้างหน้าดีกว่า ถามว่เาป็นคนสนิทกันมั้ย เราก็ไม่ได้สนิทกันมาก่อนนะ แต่แค่เราเคยผ่านเรื่องราวแย่ๆ มาด้วยกัน ก็เลยทำให้เรามองตาแล้วคุยอะไรที่เข้าใจและไปเร็วกว่าคนอื่น”

อยากจะบอกพี่ญ่าว่าอะไร?
พิงกี้ : “ก็เข้าใจทุกอย่าง ต้องบอกว่าคนเรามีเรื่องราวในชีวิต ไม่มีใครเพอร์เฟ็ค และตัวกี้มันเรียนรู้เรื่องราวในชีวิตจริงๆ แล้วบอกเลยว่าทุกเรื่องในชีวิตเรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไข บางครั้งเราอาจจะต้องมามองตัวเอง มันเป็นสิ่งที่วันเวลา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันมีผลกระทบต่อคนเยอะมาก แต่จะบอกว่าต้องขอบคุณใจพี่ญ่าและตัวพี่ญ่าที่เปิดรับกี้เข้ามาค่ะ ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้จริงๆ”

ธัญญ่า : “เดี๋ยวเราก็ต้องทำงานด้วยกันเนอะ ก็ต้องเจอกันเยอะกว่านี้ ไม่ว่าเราผ่านอะไรมาก็ช่างมัน เดี๋ยวเริ่มต้นใหม่ ตั้งแต่วันนี้เราก้าวไปด้วยกันเนอะ”

 

 

คุณแม่อ้อย ณ วันนี้เรื่องราวมันผ่านมาแล้ว คุณแม่อโหสิกรรมให้พี่รึยัง?
แม่อ้อย : “อย่าใช้คำว่าอโหสิกรรมเลยดีกว่า แม่ยังบอกกี้ว่าชีวิตคนเรามันผิดพลาด คำว่าขอโทษที่มันออกจากปากไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าละอายเลย เป็นสิ่งที่คนจะต้องทำ ยิ่งพี่ญ่าไม่ได้ถือสาเราเลย เราก็ต้องยิ่งรักเค้า ยิ่งต้องให้ใจเค้าเพื่อพี่สาวคนนี้ คนอาจจะคิดว่างั้นนี้ให้เราไม่มีกำลังใจ แต่เราอย่าไปสนใจ ถ้าพูดความจริงพูดตรงไหนก็ได้ แม่ไม่เคยคิดร้ายหรือเป็นศัตรูกันเลย เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”

พิงกี้แทรกมาว่า “ไหนๆ ก็เกริ่นมาแล้ว พี่ญ่าคะ น้องอยากจะบอกว่า น้องขอโทษนะคะ(เข้ากอดกัน)”
ส่วนธัญญ่าบอกว่า “ไหนๆ กี้ก็ขอโทษแล้ว แม่คะ หนูขอโทษแม่เหมือนกัน”
แม่อ้อย “ไม่เป็นไรๆ”

 

 

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00น. ทางช่อง one31
ขอบคุณภาพจากไอจี  pimplus_pr , suddantai_thailand , pegleyah , tanya_liyah , pinkysavika

อัพเดทชีวิตคนดัง ครบครันเรื่องบันเทิง เพลิดเพลินไปกับบทละคร ติดตาม Dara.trueid.net ได้อีกช่องทางที่ TrueID App  หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID