รีเซต

อึดอัดพูดไม่ทัน?! จิตดี ผู้ประกาศช่องอมรินทร์ เปิดใจทั้งน้ำตาถึง พุทธ พุทธอภิวรรณ (มีคลิป)

อึดอัดพูดไม่ทัน?!  จิตดี ผู้ประกาศช่องอมรินทร์ เปิดใจทั้งน้ำตาถึง พุทธ พุทธอภิวรรณ (มีคลิป)
Entertainment Report_1
21 กรกฎาคม 2563 ( 10:00 )
1.4K
1

ข่าวบันเทิงวันนี้ 

จิตดี ศรีดี ผู้ประกาศข่าวสาว ทำเอาคอข่าวตกใจกันยกใหญ่ถามไถ่กันรัวๆ เมื่อหน้าของ จิตดี ศรีดี คู่ขวัญของ พุทธ พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ในรายการข่าวแห่งช่องมงกุฎ อมรินทร์ ทีวี ซึ่งเป็นภาพคุ้นชินของคนที่เปิดดูรายการ ทุบโต๊ะข่าว จะได้เห็นคาแรกเตอร์ของผู้ดำเนินรายการแบบ “พูดให้สุดกับน้อยแต่มาก” ได้ชัดเจน จนหลายคนที่เปิดดู แล้วไม่เจอคู่นี้จึงตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้น ?? จิตดี หายไปไหน ?? ซึ่งหลังจากที่ขอคิวของผู้ประกาศข่าวคนเก่งมาปีกว่า ในที่สุด รายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ก็ได้คิวมานั่งคุยกันสักที พร้อมกับเคลียร์คำถามเรื่องที่หลายคนคาใจสงสัยว่า จิตดี หายไปไหน นาทีนี้ถึงเวลาแล้วที่ เจ้าตัว ขอพูดบ้าง 

จิตดี ผู้ประกาศช่องอมรินทร์ เปิดใจทั้งน้ำตาถึง พุทธ พุทธอภิวรรณ

ช่วงหนึ่งที่หายไปจากหน้าจอตอนนั้นโกรธอะไรกัน ??
จิตดี : คือตอนนี้ เจี๊ยบ ไม่ได้หายไปไหนนะคะ จริงๆ รายการ ทุบโต๊ะข่าว ยังมี แต่เพราะว่าเรามีข่าวเย็นมาผสมรวมกับข่าว ทุบโต๊ะข่าว เราก็เลยมีปรับเปลี่ยนผังกันแล้วก็ปรับเวลาค่ะ จากที่รายการมาหลังข่าวพระราชสำนักใช่ไหมคะ เราก็ขยายเวลาให้ยาวขึ้น ทุบโต๊ะข่าว เราก็เริ่มมาที่ประมาณใกล้ๆทุ่ม 18.50 นาที ทุบโต๊ะข่าว มาเสริมทัพ พี่นก และน้องฝ้าย ก็กลายเป็นว่าขยายเวลาขึ้น ช่วงแรกทุ่มหนึ่งก็จะมี เจี๊ยบ มีพี่พุทธ พี่โจ๊ก ส่วนช่วงทุบโต๊ะข่าว ช่วงที่สองจะเป็นน้องฝ้าย อันนี้น้องฝ้าย จะเลิกดึกขึ้นก็เป็นแบบนี้ คือ คนที่จะชินกับเราตอนสองทุ่มครึ่งเพราะเจอเรากับพี่พุทธ ใช่ไหมคะ ตอนนี้เพียงแค่เราย้ายทีมมาอยู่ช่วงทุบโต๊ะ 1 ก็เลยดูเหมือนว่าบางคนยังไม่รู้เวลา หาไม่เจอ ไม่ได้เปิดมาตอนหนึ่งทุ่มเลยไม่ได้เจอเรา ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลย

จิตดี : อีกอย่างเพราะร่างกายป่วย ร่างกายเราคงฟ้องเพราะเราทำงานหนักมากมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเราทำงาน 7 วันเต็มๆ ตั้งแต่บ่ายสามโมง จนถึงตีสามทุกวัน แต่ตอนนี้ปรับเวลาใหม่แล้วค่ะ ได้เข้าแปดโมงครึ่ง จนรายการจบแล้วเราต้องมาโปรยเหมือนเดิมอีกในข่าวที่เราทำแล้วอัพลงยูทูป ลงเฟสบุ๊ค แต่ต้องให้พี่เขาตรวจเหมือนเดิม เราทำงานอยู่ในออฟฟิศ 12 ชั่วโมงโดยประมาณ แต่พอเราปรับเวลาใหม่ พี่พุทธ เขาให้เรามีวันหยุด คือ หยุดวันศุกร์ ค่ะ

 

 

ทำงานข่าวมากี่ปีแล้วเอ่ย
จิตดี : คู่กับคุณพุทธ ที่เก่า 2 ปี มาที่นี่ตั้งแต่เปิด สถานีอมรินทร์ 5 ปีย่าง 6 ปีแล้วค่ะ

ก่อนมาอ่านข่าวเห็นว่าเราต้องฝึกตัวเองในการออกเสียง ร.เรือ ล.ลิง คำควบกล้ำแล้วก็มีเทคนิคอะไรหลายๆอย่าง
จิตดี : เทคนิคการฝึกของเจี๊ยบเลยนะคะ ในความที่รักตั้งแต่เด็กๆเลย หน้าเสาธงก็จะพูดภาษาไทยวันละคำนะคะ พอมหาวิทยาลัยเราก็จะจัดเสียงตามสายทุกๆเที่ยงจะได้ยินเสียง จิตดี นะคะ อ่านข่าวมหาวิทยาลัย ก่อนจะจบก็จะมีให้ไปสอบใบผู้ประกาศค่ะ ที่กรมประชาสัมพันธ์ และมีพระอาจารย์ท่านหนึ่ง เจี๊ยบ ฝึกงานก่อนจบไปฝึกในวัดไปจัดรายการเป็นดีเจในวัดแล้วพระอาจารย์ก็แนะนำว่า ทำแบบนี้สิ ตอนนั้นเรายังไม่รู้เลยไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย พระอาจารย์ท่านก็ให้แบบฝึกอ่านออกเสียงมา แล้วท่านก็สอน เราจนเราใช้มาทุกวันนี้ ทำให้เรามีพลังในการใช้เสียงด้วย ทำให้การออกเสียง ของเราชัด ที่ท่านสอนคือ เขาควาย เขากวาง ถามว่าทำไมท่านสองคำนี้ เพราะการที่เราพูดชัดหรือไม่ชัดคือ การที่เราเปิดปาก ถ้าเราเปิดปากคำจะชัด และคำว่า เขาควาย เขากวางจะบริหารกรามของเราให้แข็งแรงเราจะพูดชัด

มีคำว่าที่เรากลัวว่าจะอ่านผิดมีไหม
จิตดี : มีค่ะ ตอนแรกเลยนะคะ มีคำหนึ่งที่รู้สึกว่ายากมากเลย ชื่อพระบรมวงศานุวงศ์ ยากมากเราต้องฝึกฝนพูดให้เข้าปาก สองคือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวลาเราพูดชัดๆเราจะได้ยินเสียงตัวเองด้วย ทุกครั้งเวลาที่เราพูดชัด พูดทีละคำออกมาเราต้องให้ได้ยินเสียงตัวเองด้วย

เราเป็นคนพูดเก่งไหม
จิตดี : ถ้าเป็นเพื่อนๆด้วยกันจะรู้ พูดเก่งมาก

แต่โดยในสายตาคนไทยทั่วไป คุณจิตดี พูดไม่ทัน คุณพุทธ เลยมีอึดอัดไหม
จิตดี : ถ้าถามต้องย้อนกลับที่นั่งอ่านคู่กันแรกๆ อึดอัดมากต้องทำตัวยังไง เพราะว่า การทำงานเป็นทีมต้องเรียนรู้กันว่าผู้จัดด้วยกันกว่าจะมาเป็นคู่หูกันได้เราต้องเรียนรู้กันพอสมควร แรกๆเราก็จะอึดอัดนิดนึง จากที่เราอ่านข่าวผู้ประกาศมาแบ่งข่าว แบ่งวรรค แบ่งเรื่อง แบ่งประเด็นกันพูดใช่ไหมคะ พอเรามานั่งคู่กับคุณพุทธ เขาจะเป็นนักเล่าข่าว สวมวิญญาณเล่า สิ่งที่องค์ความรู้ อยู่ในหัวเขาพรั่งพรูออกมา เราเลยไม่มีจังหวะแทรกด้วยความที่เขา เขารู้มาก รู้เยอะ แล้วก็พูดเยอะ

เคยบอกเขาไหม พี่ๆแบ่งให้หนูพูดบ้าง
จิตดี : ด้วยเป็นสัญชาตญาณด้วยค่ะ เราให้เกียรติเขา ในเมื่อเขาอยากพูดก็ให้เขาพูดไป เราเสริมตรงไหนได้เราก็เสริม ปรากฎว่าเขากลายเป็นตัวหลัก เราก็เป็นตัวเสริม แบบนี้ค่ะ

เคยโกรธคุณพุทธ หรือ โมโหบ้างไหม
จิตดี : มีค่ะ อารมณ์รู้สึกโกรธ แต่โกรธเราก็เกิดการเรียนรู้อีกค่ะ ก็คือว่า พอบางทีบางมุขมาเล่นแรงหูจะร้อนผ่าวๆมันคือ ปฏิกิริยาทางร่างกาย โกรธอยู่ในใจ พอหลังจบรายการก็อภัยกันก็หาย กลายเป็นการที่เราเรียนรู้ไปอีกว่า เขาเป็นคนแบบนี้แซวแบบนี้ ซึ่งเขาก็ไม่คิดอะไรจบก็คือจบ

แต่ในการที่เรานั่งอยู่ตรงนั้น เรามีคุยกันไหมเพราะข่าววันหนึ่งมีหลายเรื่อง ใครอ่านอะไร แบ่งกันยังไง
จิตดี : ต้องย้อนกลับไปหลายช่วงที่เป็นช่วงแรกๆเลยค่ะ แรกๆก็เคยจะมี พอมีแบบตรงนี้ จะให้เจี๊ยบนะ พอมาวันหนึ่งด้วยความรนด้วยความรีบ ข่าวมันเตรียมไม่ทันสุดท้าย พี่เขาก็ต้องรวบสรุปให้เอง มันเลยกลายเป็นธรรมชาติของเรา บางทีมันอาจจะหนึ่งอาจจะยังไม่ทันเขา ยังช้าอะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วก็วันหนึ่งเขาก็คงเรียนรู้เราเหมือนกัน ก็ช่วยกันให้รายการมันไปได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เนื้อหารายการ ทำยังไงให้คนดูรู้ข่าวสาร ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร แล้วมันตอบโจทย์ให้คนรู้ในสถานการณ์นั้นๆ นี่คือ สิ่งที่เจี๊ยบ มองนะคะ มันก็เลย กลายเป็นว่าเราทำงานมาเป็นแบบนี้ แล้วถามว่าแบ่งไหม ไม่ได้มีการแบ่งที่ชัดเจนนะคะ เราต้องหาจังหวะเอาเอง

เห็นทำงานเข้าขากันแบบนี้ แต่มีวันหนึ่งเราเดินไปลาออกเองเลยจริงไหม เพราะอะไร
จิตดี : จริงค่ะ อันนี้ จริงเลย เพราะว่าจากที่ เมื่อก่อนหน้านี้ เราเคยจัดข่าวดึกอันนั้นเราเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่พอมาอยู่ อมรินทร์ทีวี เรากลายมาเป็นลูกน้อง มาอยู่ในทีม เราจะเห็นบทบาท ของคุณพุทธ จะเป็นอีกแบบด้วยความที่เคี่ยวหนักด้วยความที่จริงจัง มุ่งมั่น งานทุกอย่างต้องเป๊ะๆ อันไหนไม่ใช่ต้องไปเปลี่ยน ซึ่งเราต้องปรับเปลี่ยนให้ทันความคิดของเขา ทำให้เราเกิดความกดดันมาก เครียดมาก ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาแล้ว เหนื่อยแล้วก็เครียด เราคิดตอนนั้นคงทำไม่ได้แล้วมั้ง ไม่เหมาะกับเราแล้ว อึดอัด โดนกดดันทุกอย่าง สารพัด ทั้งด่า ทั้งดุ ทั้งเราเลยคิดว่าไปดีกว่า

หน้าจอกับหลังจอ พุทธ เขาเป็นเหมือนกันไหม
จิตดี : หน้ากับหลังเหรอค่ะ เราต้องดูบทบาทเพราะว่าพี่เขามีหลายบทบาท เพราะว่าพี่เขามีหลายบทบาทมากอย่างหน้าจอก็คือ ผู้ดำเนินรายการ เราจะเห็นเขาเล่าข่าว แต่เบื้องหลังเขาคือ ทุกสิ่งทุกอย่างของรายการ ทุบโต๊ะข่าว เขาจะคุมหมดเลยภาพนี้ประเด็นนี้ สคริปต์นี้ ตัดต่อแบบนี้ทุกอย่าง เราก็ต้องคอยจับประเด็นให้ทันเขา หาจังหวะแทรกคอยเสริมตรงไหนที่เสริมได้ค่ะ

มีอะไรอยากบอกคุณพุทธบ้างไหม สิ่งที่เราอยากพูดแต่ไม่กล้าพูด
จิตดี : (น้ำตาเริ่มไหล) ห่วงสุขภาพพี่เขา จะบอกยังไงดี พูดเรื่องนี้มันเป็นความรู้สึกลึกๆ เพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน อยากให้พี่เขาดูแลสุขภาพให้มากกว่านี้ มากกว่าที่จะห่วงงานบางทีงานมันไปของมันได้ พี่เขาทำงานหนักมาก เพราะเราดูจากร่างกายของเราเองเพราะร่างกายมันฟ้อง อย่างพี่เขาบางทีเขาป่วย แต่เขาก็ยังมาทำงานแล้วเขาก็แสดงว่าเขาไม่ป่วย เป็นสิ่งที่เราห่วงเขามาก (พูดด้วยเสียงสะอื้น) อยากให้พี่รักษาสุขภาพจะได้อยู่กับน้องไปนานๆ ด่าน้อยๆอะไรอย่างนี้ค่ะ รักพี่มากนะ

ถึงจะอ่านข่าวเยอะขนาดนี้ แต่ก็มีคนรู้ใจแล้ว เอาเวลาไหนไปเจอกัน
จิตดี : เราก็ดูแลกันค่ะ เขาไม่ได้อยู่ในวงการข่าวค่ะ เป็นคนนอก เขาก็ไม่ได้บ่นหรือพูดถึงเรื่องเวลาเรานะคะ เวลาที่เราเจอกันคือ เจอกันเวลาเช้ามาส่ง กลางคืนก็มารับดูแลกันตลอดที่คบกันเป็นแฟนย่างเข้า 3 ปีแล้วค่ะ ถ้าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยม

มีแพลนที่จะแต่งงานกันหรือยังเอ่ย
จิตดี : ยังไม่ได้คุยเลยค่ะ ทำแต่งานกันในช่วงนี้

เห็นทำงานเยอะแบบนี้ แต่ก็เรียกว่าเป็นสายบุญ อีกคนเลย
จิตดี : ใช่ค่ะ ชอบเข้าวัด คือ อย่างวัดอาทิตย์ เมื่อก่อนจะมีเวลาช่วงก่อนเข้างานก็จะไปทำบุญเข้าวัดเราสบายใจ ไปวัดใกล้บ้าน ไปวัดไร่ขิงบ้าง วัดระฆังบ้าง ที่ง่ายๆค่ะ ได้นั่งสวดมนต์ให้เราสบายใจด้วย

ซึ่งงานนี้ ผู้ประกาศสาวคนเก่ง จิตดี ยังฝากทิ้งม้ายไว้อีกด้วยว่า ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบพระคุณรายการ ทุบโต๊ะข่าว ทุกคนที่ดูช่อง อมรินทร์ ทีวี 34 มาโดยตลอดนะคะ จะบอกว่ากว่าจะมาเป็น ทุบโต๊ะข่าว เราผ่านอะไรกันมาเยอะ ทั้ง คุณพุทธ เอง ซึ่งเป็นแม่ทัพที่ดี พี่ชายที่ดี พี่เขามีความมุ่งมั่นที่ทำให้เรามีวันนี้ มีทุบโต๊ะข่าว ในวันนี้ แล้วก็สิ่งที่อยากจะฝากคือ ทุบโต๊ะข่าว เราขยายเวลาแล้วนะคะ ตั้งแต่ 18.50 น. คือ ช่วงที่หนึ่ง คือ เจี๊ยบ จะมานั่งอ่านข่าวในช่วงนี้นะคะ และอีกช่วงคือหลังข่าวพระราชสำนัก และเสาร์ อาทิตย์ ก็จะมานั่งอ่านข่าวเที่ยง อมรินทร์ นะคะ คือช่วงเวลา 11.00 ถึง 12.00 นาฬิกาค่ะ ติดตามกันได้นะคะ