รีเซต

กระทบไม่น้อย!! เปิ้ล-จูน เปิดใจธุรกิจกระทบโควิด-19 หนักมาก ลั่นปากท้องลูกน้องสำคัญสุด

กระทบไม่น้อย!! เปิ้ล-จูน เปิดใจธุรกิจกระทบโควิด-19 หนักมาก ลั่นปากท้องลูกน้องสำคัญสุด
Entertainment Report_3
10 มีนาคม 2564 ( 17:40 )
290

ข่าวบันเทิงวันนี้  

ถือว่าเป็นนักแสดงพิธีกรชื่อดังที่มีหลายบทบาท เพราะนอกจากเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว เปิ้ล นาคร ศิลาชัย ยังเป็นซีอีโอ เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร ชาบูก๋วยเตี๋ยวเรือ sail to the moon สองสาขาและเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์อีกด้วย เช่นเดียวกับ จูน กษมา ศิลาชัย ภรรยาเธอคือคุณแม่ลูกสี่ที่ต้องดูแลครอบครัวและเป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สินค้า และอาหารหลายแบรนด์ที่จำหน่ายในซูเปอร์สโตร์ชั้นนำ เมื่อสังคมต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรก ต้นปี 2563 แผนงานชีวิตและการลงทุนธุรกิจที่เขาวางเอาไว้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เหมือนทุกคนในประเทศมากน้อยต่างกันไป เปิ้ลกับจูนเผยว่า...

เปิ้ล-จูน เปิดใจธุรกิจกระทบโควิด-19 หนักมาก ลั่นปากท้องลูกน้องสำคัญสุด

ก่อนโควิด-19 ระบาดรอบแรกนั้นเขาตั้งเป้าธุรกิจไว้สูง ลงทุนทำร้านอาหาร 10 ล้านแต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง?
เปิ้ล นาคร : ตอนแรกก่อนที่โควิดจะมา เราตั้งเป้าไว้เลยว่าปีนี้จะต้องเป็นปีทองของพวกเรา แล้วปีนี้ก็มีโปรเจกต์ต่าง ๆ มากมาย มีการลงทุนเยอะมากในหลายเรื่อง ในเรื่องของการลงทุนร้านอาหาร มีการลงทุนเป็น 10 ล้าน กะว่าเปิดมาแล้วต้องปังแน่นอน คนต้องเยอะ ปรากฎว่าโควิดมา ช็อกไปหนึ่งคืน จาก 100% เหลือ 3% แทบจะไม่เหลืออะไรเลย บอกพนักงานว่าคงต้องปิด ปรากฎว่าพนักงานเสียใจ แล้วก็ร้องไห้

ปีที่แล้ว มีแต่รายจ่าย แต่ต้องตั้งสติรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น?
จูน กษมา : ก็ต้องบอกความเป็นจริงของยอดตัวเลขว่าเราต้องใช้จ่ายเท่าไหร่ เพราะรายได้เข้ามาไม่มีเลย มีแต่รายจ่าย แต่เด็ก ๆ ก็เข้าใจ เขาก็บอกว่าให้เขาทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนก็ได้ ขอแค่ให้เขามีข้าวกิน
เปิ้ล นาคร : การที่เขากลับมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ลำดับปัญหาและเริ่มลงมือแก้ทีละจุด ทำให้ความเครียดลดลง เขาปรับเปลี่ยนการขายอาหารจากขายเสิร์ฟในร้านเป็นบริการเดลิเวอรี่ ปรากฎว่าทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งเราก็มองหน้ากัน แล้วก็บอกว่า หรือเดลิเวอร์รี่คือทางออก ปรากฎว่าก็ลองทำ แล้วก็ศึกษาเรื่องเดลิเวอร์รี่ เพราะว่าเราไม่ถนัดเลยแต่พอวันที่ 3-5 ก็จับทางได้ แล้วก็รอดตายมา พนักงานยิ้ม ซึ่งเราไม่เคยเครียดอยู่แล้วเพราะว่าชีวิตมันขึ้นลง มันชิน ใครจะรู้ว่าวิกฤตโควิดที่เขาเป็นกันทั้งโลก การกักตัว หลังจากพบว่าตัวเองสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั้น ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายกลับทำให้มาทบทวนชีวิต และมีเวลาใกล้ชิดลูก ๆ ทั้งสี่มากขึ้น อยู่ ๆ มาวันนึงห่างกับตัวเราแค่คืบเดียว คือไปทำงานกับคนที่ติดโควิด-19 นั่งห่างกันแค่คืบ คิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น กลับมาพอรู้ตัวว่าเขาติดโควิด-19 ตอนนั้นเครียดเพราะรู้ตัวว่าเราเป็นผู้เสี่ยงสูง เราทำอะไรไม่ถูกคิดแค่ว่าเราติดแน่เลย ก็เลยไปตรวจปรากฎว่าไม่มีเชื้อ แต่เพื่อความสบายใจก็ไปตรวจไว้ก่อน กลับมาบ้านก็รีบกักตัวทันที
จูน กษมา : ความรู้สึกตอนที่รู้ว่าโควิดใกล้เรามากก็ตกใจ คือมันมาครอบครัวเราแล้วหรอ เพราะว่าครั้งนี้มันคือโควิดรอบ 2 คือมันใกล้ตัวมาก ซึ่งตกใจแต่ก็เชื่อมั่นในระดับนึง แล้วก็ปลอบใจตัวเองว่ามันคงไม่ติดกันง่าย ๆ ขนาดนั้น
เปิ้ล นาคร : พอเราเป็นผู้เสี่ยงสูง ลูก ๆ เป็นผู้เสี่ยงต่ำ ลูกก็อยู่แต่บ้านไม่ไปไหน ไม่ไปโรงเรียนด้วย ซึ่งเราก็เครียด แต่ก็ไปตรวจเป็นระยะ ๆ แต่ระหว่างนั้นเราก็อาจจะรู้สึกสบายใจขึ้นมา พอมันเริ่มซา ธุรกิจต่าง ๆ ที่เราวางแผนไว้ก็เตรียมตัวที่จะออกมา แล้วก็หนังที่ครอบครัวเราทุ่มทุนสร้างก็กำลังจะเข้าฉาย เลยรู้สึกว่ามันเริ่มมองเห็นแสงสว่าง ที่สำคัญที่สุดที่เป็นหัวใจที่ทำให้ครอบครัว ศิลาชัย มีกำลังใจสู้ฝ่าวิกฤติโควิด-19 นั้น นอกจากการวางแผนทบทวนปรับธุรกิจในยุคนิวนอร์มอลแล้ว พอเจอผลกระทบเลยทำให้ครอบครัวเรายังไม่ล้ม และที่อุ่นใจคือครอบครัวเราได้ทำประกันโควิด-19 กับทางทีคิวเอ็ม ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกคนกำลังจะได้รับการฉีดวัคซีน แต่ก็มีบางคนที่แพ้ ซึ่งทางทีคิวเอ็มเขามีประกันคุ้มครองให้กับผู้ที่แพ้วัคซีนด้วย

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :