เอ้ ชุติมา ตอบชัดได้ฤกษ์หมั้นใหม่หรือยัง แย้มมีรับเลี้ยงลูกสาวบุญธรรม

"เอ้ ชุติมา" ตอบชัดได้ฤกษ์หมั้นใหม่หรือยัง แย้มมีรับเลี้ยงลูกสาวบุญธรรม

                ได้ทำการเลื่อนงานหมั้นจากฤกษ์ที่วางไว้เป็นวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมาเพราะเจอพิษ Covid-19งานนี้ก็ไม่รู้จะหาดูฤกษ์ใหม่ได้หรือยัง สำหรับคู่ของ "เอ้ ชุติมา นัยนา” กับแฟนหนุ่ม “ฟรองค์ ศุภกิจ ประสงค์” ล่าสุดฝ่ายหญิงก็ได้ออกมาเผยเรื่องนี้พร้อมแย้มถึงการรับเลี้ยงลูกสาวบุญธรรมอย่าง "น้องฟ้า อธิชา ฝาระปี" ให้ฟังด้วยว่า

                ก็รอให้ทางพระอาจารย์ดูฤกษ์ให้ใหม่อยู่ เพราะต้องดูหลายอย่างทั้งราหูดาวลัคนาดวงทั้ง 2 คนและแต่ละวันแต่ละเดือนก็จะเปลี่ยนไปตลอดต้องเอาดีเหมาะสมที่สุดกับชีวิตคู่ที่ต้องราบรื่น แต่ภายในปีนี้แน่นอน และไม่นอยด์ที่ต้องเลื่อนเพราะอยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้วก็รักกันดีคอยดูแลกันไปแบบนี้ ที่ต้องหาฤกษ์ใหม่เขาก็ไม่เปลี่ยนใจ และทางสถานที่จัดงานเป็นคฤหาสน์พ่อบุญธรรมดอกไม้ของเพื่อนลูกสาวมีเพื่อนคนในกลุ่มที่รู้จักมาช่วยอยู่แล้วบางคนหาชุดเตรียมที่มางานก็จะมีแฟนซีชุดไทยมีประกวดในงานด้วย

                กับการวางมาตรการงานหมั้นแบบนิวนอร์มอลก็รอดูให้ทิ้งระยะไป 4-5 เดือนก่อนก็ไม่รู้จะเป็นยังไง รอให้ชัวร์ถึงจะจัดอย่างน้องเขาอายุ 22 ปีแล้วเริ่มเป็นหนุ่มแล้วก็ต้องหมั้นก่อนเพราะน้องยังเรียนไม่จบและไม่เคยบวชเลยก็เข้าใจทำให้ถูกต้องตามประเพณีฤกษ์ใหม่ก็ไลน์คุยกับอาจารย์ตลอดต้องเอาไปดูตามหลักโหราศาสตร์ต้องดูให้ดีที่สุดหมั้นแล้วต้องให้ได้งานทำชีวิตคู่ดีขึ้นทำงานด้วยกันได้กับอายุห่างกันแต่ก่อนมีผลตอนนี้ไม่มีแล้วแต่ก่อนต้องปรับตัวเหมือนเลี้ยงลูกแต่ตนนิสัยเหมือนเด็กผู้ชายห้าวจะไม่ง้อเด็ดขาดเอาเขาอยู่

                ทั้งนี้อนาคตไม่แน่คนมีแฟนเด็กต้องทำใจแก่ทุกวันเด็กวัยรุ่นเติบโตวันนึงเขาอาจจะมีอนาคตใหม่ของเขามีแฟนรุ่นใกล้กันมีลูกก็เป็นไปได้เพราะตนมีลูกไม่ได้แล้วแต่บอกเขาอย่าเพิ่งรีบถ้ามีให้บอกล่วงหน้าด้วยเขาก็เข้าใจ ถ้าโตเต็มวัยรับผิดชอบมากกว่านี้ จะบอกตอนนี้ไม่คิด อยากดูแลตนจนแก่เฒ่า ทำทุกวันให้มีความสุขที่สุดชีวิตคู่ ไม่รู้อนาคตจะเลิกไม่เลิกขอแค่อย่าวุ่นวายอะไรมากดูแลครอบครัวให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

                ส่วนเรื่องที่รับเลี้ยงลูกบุญธรรมอย่าง "น้องฟ้า" ก็ดูแลมานานแล้วน้องเขาเรียนเก่งช่วยทำทุกอย่างก็รับเลี้ยงเด็กที่เก่งฉลาดมารยาทดี ไม่งี่เง่าและได้ดูสืบหมดก่อนที่จะรับ ซึ่งเขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเราเอง ฉะนั้นพ่อแม่ที่รับมาเลี้ยงก็ต้องรักเขาให้เหมือนลูกจริงๆ ไม่ใช่สักแต่อยากจะเอามาเลี้ยงต้องดูแลให้ดีทุกอย่าง