รีเซต

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 10

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 10
1 กุมภาพันธ์ 2557 ( 13:57 )
10.5K

คุ้มนางครวญ ตอนที่ 10

บทประพันธ์ดัดแปลงจากบทประพันธ์ เรื่อง คุ้มนางครวญ ของ สรรัตน์ จิรบวรสุทธิ์

บทโทรทัศน์วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน


หน้าคุ้มหลวง มีรถสำนักข่าว รถตำรวจ รถมูลนิธิ มาดูที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งบรรดาคนงาน สาวใช้
นักข่าว ทีมงาน นักแสดง ไทยมุง ส่วนที่เติ๋นกลางคุ้ม ฐาปกรณ์นั่งอยู่กับมาดามสุบนโซฟา
ตรีภพนั่งกับบีบีและมาลาริน มาลารินหน้าซีดเกาะตรีภพแจ พิมพ์ดาวนั่งอยู่กับแพทและราเชนทร์
แก้วยืนเกาะกรอบหน้าต่าง มองออกไป

“ตำรวจสันนิษฐานว่ามันเมายา ถึงปีนไปบนยอดหลังคาคุ้มแบบนั้น ไอ้เชน.. ตกลง

มันติดยาหรือเปล่า”

ราเชนทร์อยากจะบอกฐาปกรณ์ว่าไม่รู้ เพราะเพิ่งเจอกันที่สนามบินเมื่อคืน

“ผมก็ไม่รู้ซีครับ”

“อ้าว แล้วมันมาเป็นผู้จัดการเอ็งได้ยังไง”

“แหม มันก็ไม่เชิงเป็นผู้จัดการ มันก็แค่ดูคิวให้ ขับรถให้บ้างเท่านั้น”

“แล้วเคยเล่นยากับมันบ้างหรือเปล่า”

ราเชนทร์สะดุ้ง “โธ่ ไม่มีนะครับ ตอนนี้ผมคลีน 100 เปอร์เซ็นต์”

พิมพ์ดาวกับแพทอมยิ้ม ตรีภพหมั่นไส้ “แปลว่า แต่ก่อนไม่คลีนหรือไงครับ”

“แหม พวกผมมันก๊วนเด็กนอก ตอนอยู่ที่โน่นก็มีบ้าง จริงไหมครับ คุณลินซี่”

มาลารินสะดุ้ง “ไม่ทราบค่ะ ลินซี่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับ.. เอ่อ.. แวดวงแบบนั้น”

บีบีถลึงตามองราเชนทร์ “ลินซี่อยู่แต่แถววัดไทยย่ะ”


ราเชนทร์หัวเราะพรืดออกมา มาลารินเกาะแขนตรีภพ เริ่มปากสั่น น้ำตาเอ่อ

“แต่มันน่ากลัวจริงๆนะคะ ตั้งแต่เกิดมา ลินซี่ไม่เคยเห็นคนตายเลย แต่นี่.. ต่อหน้าต่อตา ฮือ”

”โธ่ ทำใจดีๆครับ”

พิมพ์ดาวมองดูแล้วขัดหูขัดตา 

“อุ๊ย คุณลินซี่คะ”

“อะไรหรือคะ คุณพิมพ์”

“นั่นอะไรติดผมคุณลินซี่คะ”

“อะไรหรือคะ”

บีบีช่วยดู แหวกปอยผม

“ว้าย.. เลือด.. ว้าย นั่นอะไร.. หรือว่าสมอง ใช่แน่ค่ะ ลูกขา ล้างยังไม่หมดค่ะ”

มาลารินเลิกแบ๊วลุกพรวดขึ้น “ว้ายยยยยย”

มาลารินวิ่งออกไป บีบีถลาลุกตาม พิมพ์ดาวสะใจเล็กๆ ตรีภพมอง พิมพ์ดาวรีบทำปกติ



ในโทรทัศน์ ผู้ประกาศข่าวประกาศว่า “เกิดเหตุสลดใจในพิธีบวงสรวงละคร ผู้ติดตามราเชนทร์
ดาราดาวร้ายปีนหลังคาคุ้มที่ใช้ในการถ่ายทำ และตกลงมาเสียชีวิตบนโต๊ะเครื่องสังเวย”

บีบีชะงักหันกลับมามอง ทุกคนดูทีวีเป็นตาเดียว บีบีเดินกลับมารวมกลุ่ม

“เวร เวรแล้ว จะทำยังไงล่ะทีนี้ ออกทุกช่องเลย ซวย ซวย” ฐาปกรณ์กุมขมับกลุ้ม

“มันจะซวยได้ยังไง มีข่าวแบบนี้ ก็คือได้โปรโมทฟรีตั้งแต่ยังไม่เปิดกล้อง” มาดามสุ

ไม่เห็นด้วย

“โปรโมทแบบนี้น่ะนะ”

“ใช่ค่ะ ทีนี้เราก็ทำเรื่องอาถรรพ์ในกอง ออกข่าวเป็นซีรีส์ไปจนกระทั่งออนแอร์เลย”

บีบีเห็นด้วยกับสุชาดา

ตรีภพ พิมพ์ดาว แพท แม้กระทั่งราเชนทร์ อึ้ง แก้วมองดูสุชาดาและบีบีอย่างรังเกียจ

“ยังไง” ฐาปกรณ์ถาม

“อู๊ย ก็ทำเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณ กล้องเดินเองอะไรก็ได้” สุชาดาว่า

“พอหมดมุขก็ให้นังสองตัวนี่” บีบีชี้มีมี่ มูมู่ “ทำเป็นผีเข้าก็ได้”

มีมีกับมู่มู่รีบปฏิเสธ “หนูคิดว่าเรื่องอาถรรพ์ไม่ต้องเมคหรอกค่ะ ที่นี่คงจัดเต็มให้มากกว่า”

“หมายความว่าอะไร” สุชาดาซัก

“หนูว่าเพื่อนคุณเชนไม่ได้เมายาหรอกค่ะ หนูว่าโดนเจ้าที่เจ้าทางเล่นงานแน่ๆ” 

“พอๆๆ เลิกพูดกันได้แล้ว ไม่มีอาถงอาถรรพ์อะไรทั้งนั้นแหละ” ฐาปกรณ์ตัดบท 

ตรีภพ และพิมพ์ดาว ยิ่งอึดอัดใจ


____________________________________________________


ด้วยความวุ่นวายทั้งวัน อาหารมื้อเย็นจึงเป็นอาหารแบบรีบกินรีบกลับห้อง ไม่มีใครพูดคุยสังสรรค์สรวลเสเฮฮา ตรีภพ
เห็นพิมพ์ดาวนั่งกินอาหารอยู่เงียบๆ คนเดียว ตรีภพถือจานอาหารมานั่งลงด้วย พิมพ์ดาวเย็นชา

“คุณคิดว่ายังไง เรื่องอาถรรพ์อะไรนี่”

“โน คอมเมนท์ค่ะ”

“แต่ที่คุณจำคุ้มนี้ได้ ว่าเหมือนคุณอยู่ที่นี่มาก่อนล่ะ แล้วคุณรู้ว่ายังมีคุ้มน้อยอยู่ริมปิงด้วย”

“ฉันอาจจะเคยเห็นในสารคดีท่องเที่ยวมาก่อนก็ได้.. ไม่เห็นต้องเป็นเรื่องอาถรรพ์อะไรเลย”

ตรีภพมองกลับไปยังคุ้ม แล้วถอนใจ

“แต่ผมคิดว่าที่นี่ต้องมีอะไรบางอย่าง”

“อะไรของคุณ หมายถึงผีใช่ไหม”

ขณะนั้น บีบีกับเฟื่องฟ้าถือถาดใส่อาหารเดินผ่านมา 

“ถือของคุณลินซี่ดีดีนะคะ ลูกขา”

“อ้าว คุณลินซี่ล่ะครับ” ตรีภพถาม

“ลินซี่ไข้ขึ้นค่ะ ลูกขา เลยให้พักอยู่ในห้อง”

“แล้วพรุ่งนี้จะถ่ายละครได้หรือครับ”

“ลินซี่มืออาชีพค่ะ เดี๋ยวให้กินยาหวัดกับยานอนหลับ ตื่นมาก็เฟรชแล้วล่ะค่ะ”

“ยานอนหลับ จะดีหรือคะ” พิมพ์ดาวเป็นห่วง

บีบีมองพิมพ์ดาวอย่างรำคาญชะนี

“อู๊ย ไม่เป็นไรหรอก ฉันให้กินทุกคืน ถ้าไม่กินแล้วชอบคัน เอ๊ย ชอบออกไปเพ่นพ่าน”

ตรีภพกับพิมพ์ดาวคิดว่าหูฝาด พิมพ์ดาวยิ้มมีเลศนัยกับตรีภพ

“งั้นเมื่อคืนก็ไม่ได้กินยาซีคะ เพราะฉันเห็นคุณลินซี่ออกมาคัน เอ๊ย เพ่นพ่านอยู่”

“หา! ไม่จริงแล้วย่ะ หล่อนตาฝาดแล้ว ฉันวางยากับมือ หลับรวดเดียวไปตื่นเจ็ดโมงเลย”

เฟื่องฟ้าคิดแล้วตาเหลือก “หรือว่าคุณพิมพ์ดาวเห็นผีคะ”

“ยังไงคุณ คุณเห็นแน่หรือ”

พิมพ์ดาวตาเขียว “ถ้าเป็นผี ก็คงเป็นผีผ้าห่มแหละจ้ะ”

“แล้วทำไมคุณต้องมาทำหน้ามีเลศนัยกับผม”

พิมพ์ดาวเชิดใส่ ตรีภพสงสัย



ระเบียงดูเวิ้งว้างว่างเปล่า พิมพ์ดาวเดินมากับตรีภพ

“แค่ทุ่มกว่าเอง ทุกคนก็เข้าห้องกันหมดแล้ว”

“เพิ่งเกิดเรื่องสดๆร้อนๆ คงยังหวาดๆกันอยู่”

พิมพ์ดาวเอามือแตะสร้อยเขี้ยวเสือไฟ ตรีภพมองดูแล้วยิ้ม

“ถ้าคุณกลัว เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่ห้องก็ได้”

“ใครบอกว่าฉันกลัว”

“ก็ผมบอกอยู่นี่ไง”

พิมพ์ดาวค้อน ตรีภพรื่นรมย์ใจนิดหน่อย ทั้งคู่มาถึงห้องมาลาริน

“ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก คุณเข้าไปเยี่ยมไข้ลินซี่เหอะ”

“ไม่เอาล่ะครับ เข้าไปในห้องส่วนตัวเขา น่าเกลียด”

พิมพ์ดาวโกรธวูบขึ้น

“นี่! ไม่ต้องมาสร้างภาพกับฉัน ฉันรู้ว่าเมื่อคืนคุณปล้ำกับยายลินซี่”

ตรีภพอ้าปากค้าง “หา ใครบอก”

“ก็ฉันบอกอยู่นี่ไง”

“งั้นเราต้องพูดกันให้รู้เรื่องแล้ว”

ตรีภพคว้าข้อมือพิมพ์ดาว ลากหัวซุนกลับไปยังห้องพักตรีภพ ผลักประตูเข้าไป เหมือนฟ้าแกล้ง แพท มีมี่ มูมู่

เดินมาเห็นเข้าพอดี แพททำท่าเคลิ้ม

“ว้าย คว้าข้อมือ ลากเข้าห้อง”

“นางเอกตบ” มีมี่ มูมู่จิ้นต่อ “พระเอกกระชากมาจูบ ฮิ ฮิ ฮิ”



ตรีภพลากพิมพ์ดาวมากลางห้อง แล้วปล่อยมือ หันมา “นี่คุณ”

พิมพ์ดาวต่อยเข้าปลายคาง ตรีภพเซถอยหลัง ล้มหงายลงบนเตียง พิมพ์ดาวสะใจ

“นี่แน่ะ สม!”

ตรีภพแน่นิ่ง พิมพ์ดาวชะโงกดู “นี่คุณ คุณ”

ตรีภพยังคงแน่นิ่ง พิมพ์ดาวเริ่มใจไม่ดี ก้าวมาใกล้ ทันใดตรีภพก็ตวัดขาขวาง พิมพ์ดาวสะดุด ล้มลง

บนเตียงทับตรีภพ ตรีภพพลิกขึ้นบน เอาตัวทาบทับไว้

“ปล่อยฉันนะ”

“หยุดร้องแล้วฟังผม นี่คุณ ผมขอสาบานว่าผมไม่ได้มีอะไรกับคุณลินซี่ คุณลินซี่ไม่เคยย่างเท้าเข้ามาในห้องนี้ พอใจไหม”

พิมพ์ดาวทำตาปริบๆ ยอมเชื่อ



ตรีภพและพิมพ์ดาวอยู่ที่ระเบียงห้องตรีภพ มองเข้ามาที่ประตูกระจกที่มีม่านบัง

“ฉันก็สาบานได้เหมือนกันว่าฉันเห็นจริงๆ”

“มีม่านปิดอยู่ คุณจะมาเห็นได้ยังไง”

”ฉันก็เห็นพวกคุณเล่นหนังตะลุงกันอยู่น่ะซี”

ตรีภพคิดถึงยอดหล้าเมื่อคืนก็ยิ่งพิศวง พิมพ์ดาวมองแปลกใจกับท่าทีตรีภพที่มีแต่ความงุนงง สับสน และพูดไม่ออก

“แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นคุณลินซี่”

พอถึงตอนนี้ พิมพ์ดาวก็เริ่มไม่แน่ใจ

“ก็เงานั่นตัวเท่าคุณลินซี่ แล้วก็แต่งตัวแบบคุณลินซี่”

“ชุดมาลารินน่ะหรือ”

พิมพ์ดาวยิ่งรู้สึกว่าไม่เมคเซนส์ แต่ก็ยังต้องเถียงไป

“ไม่ใช่ชุดเจ้านางแบบที่ฟิตติ้งกันนะ เกล้าผม ปักดอกไม้ไหว.. ฉันก็เลยคิดว่าเขาแต่งมาให้คุณติชมถึงบนเตียง”

ตรีภพหน้าเผือดลง สั่นหน้า

“ทำไมหรือ”



ตรีภพนั่งลงบนเตียง มีอาการชั่งใจว่าจะเล่าดีไหม พิมพ์ดาวยืนอยู่กลางห้อง

“ที่คุณเห็น.. ไม่ใช่คุณลินซี่ แต่เป็นคนอื่น”

พิมพ์ดาวอึ้ง ความหวงแหนมาจากไหนก็ไม่รู้ “อ้อ ยอมรับออกมาแล้ว”

พิมพ์ดาวเม้มปาก คิดปราดไป ‘หรือว่าพวกยายเฟื่องฟ้า ระริน เอ๊ะ หรือน้าสายใจ’

“อ้อ ไม่ต้องบอกฉันหรอกนะว่าใคร”

“แต่คุณน่าจะช่วยผมคิดว่าคืออะไรมากกว่า”

ตรีภพเริ่มเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์เมื่อคืน พิมพ์ดาวฟังแล้วเข่าอ่อน นั่งลงบนเตียงแทน

“เจ้ายอดหล้าอย่างงั้นหรือ”

“ผมคิดว่าเป็นความฝันเพ้อเจ้อ แต่ถ้าเมื่อคืนคุณเห็นเงาคนแต่งชุดเจ้านาง.. ก็แปลว่ามันมีอะไร

มากกว่านั้น”

”คุณแก้วบอกว่า ตำนานคุ้มนางครวญเป็นเรื่องจริง”

“ก็แปลว่าเจ้ายอดหล้าเคยมีตัวตนจริง แต่เธอก็ต้องตายไปแล้วเกือบ 200 ปี”


ตรีภพมองหน้าพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวหน้าซีด แต่ต้องทำตัวเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่เชื่อผี ยักไหล่

“แต่วิญญาณของเธอยังอยู่ รอคอยหลวงเทพของเธอไง”

“แต่ผมไม่ใช่อีตาหลวงเทพนั่นนี่ ถ้ามีผีเจ้ายอดหล้าจริง ก็ไม่น่าจะต้องมายุ่งกับผม”

“เธออาจอยากมาติวบทให้คุณก็ได้มั้ง”

พิมพ์ดาวทำท่าไม่แยแส ลุกขึ้น “หรือไม่ก็ คุณหิ้วใครมานอน กลัวฉันจะเอาไปกระจายข่าว ก็เลยมาแต่งเรื่อง

ผีหลอกฉัน ฉันไปล่ะ”

“เชิญ”

ตรีภพเดินไปเปิดประตูให้ พิมพ์ดาวค้อนออกไป

“นี่ ผมไม่ไปส่งนะ เดินดีๆล่ะ เอ.. ทำไมคืนนี้ทางเดินมืดจัง”

พิมพ์ดาวตาเขียว ตรีภพยักคิ้ว ปิดประตูลง พิมพ์ดาวมองดูทางเดินที่ดูมืดมัวสลัวราง

“เมื่อคืนนี้.. คือผีเหรอ อีย์”

พิมพ์ดาวเอามือกุมเขี้ยวเสือไฟ รีบเดินจ้ำอ้าวไป


____________________________________________________


ที่คุ้มร้างซึ่งงดงามมลังเมลือง ยอดหล้าถือซึงนั่งบนตั่ง กรีดนิ้วบรรเลงเพลงดวงดาวเบาๆ นางผัน นางเผื่อน 

อยู่ที่พื้น แก้วหน้าเครียด ยืนอยู่ห่างออกมา

“ทำไมเจ้านางต้องทำอย่างนี้”

ยอดหล้าเลิกคิ้ว ยังคงเล่นซึงต่อไป แก้วขยับก้าวมาใกล้

“เจ้านางเคยรับปากแล้ว ว่าจะไม่ให้พวกทีมละครเป็นอันตราย”

“ข้าไปตกปากรับคำเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่”

ยอดหล้าวางซึงลงข้างตัว แก้วถอนใจ

“มันไม่ใช่พวกละคร แต่มันคือพวกโจรหน้าโง่นั่น ที่เข้ามาหาความตายซ้ำแล้วซ้ำอีก”

“ทำไมเจ้านางถึงไม่ไล่มันไป ทำไมต้องฆ่ามันต่อหน้าผู้คนขนาดนั้น”

“จะเป็นไรไป ข้าฆ่ามัน เท่ากับยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว”

นางผัน นางเผื่อน คิกคัก

“ผมไม่เข้าใจ”

“ข้าฆ่ามันเพื่อสื่อความไปถึงนายของมัน ว่าอย่ากล้าดีส่งใครมาอีก”

“แล้วนกตัวที่สองล่ะครับ”

“ข้าสื่อความถึงครูอาจารย์ของมัน”

“อะไรนะครับ”

ยอดหล้าเบื่อหน่าย นางผัน นางเผื่อนรีบแทรก

“ไอ้ทองดีมันเป็นคนมีอาคม”

“มันเล่นงานข้าสองคนเกือบตาย”

“แต่โชคดีที่ข้าสองคนตายเรียบร้อยไปแล้ว ฮิ ฮิ ฮิ”

ยอดหล้ามอง นางผัน นางเผื่อน หดหัวไปคล้ายเต่า

“อาจารย์ของมันสืบเชื้อสายมาจากครูบาสรี ฤๅษีโฉดชั่วทุศีลนั่น”

“มันพูดชื่อครูของมันด้วยเจ้า เจ้านาง” นางผัน นางเผื่อนบอก “มันพูดชื่อมหาจรวย”

“ใช่.. เจ้าจงไปสืบความเรื่อง มหาจรวยผู้นี้มาให้ข้า” ยอดหล้าสั่งแก้ว

“เจ้านาง! ท่านจะทำอะไรอีก”

ยอดหล้าลุกขึ้น “ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า อย่าโอหังบังอาจกับข้าอีก”

“ขออภัย เจ้านาง แต่ยังไงผมก็ต้องพูด”

“จงพูดมา”

“ถ้าเจ้านางยังฆ่าคนเป็นผักปลา ก็จะมีพวกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาสืบสวน ยิ่งไปกว่านั้น พวก

คณะละครก็อาจเปลี่ยนใจ เลิกถ่ายทำละครที่คุ้มนี้ เจ้าตรีก็จะต้องกลับไปด้วย”

ยอดหล้าใจเสียนิดหน่อย แต่ก็ยังดื้อดึง

“สองผัวเมียละโมบโลภมากนั่นไม่ไปจากที่นี่ง่ายๆหรอก”

“แต่ถ้ามีใครตายอีก ก็ไม่แน่นะครับ”

ยอดหล้าเชิดหน้า “ก็ได้ จะไม่มีใครตายอีก”

แก้วถอนใจ รู้สึกคลายใจลง ยอดหล้ายิ้มเยาะในใจ ‘จะไม่มีใครตายอีก ในวันสองวันนี้’

นางผัน นางเผื่อน เหมือนได้ยินความใน.. หัวเราะคิกคัก ยอดหล้ายิ้มพราย



คืนนั้น ตาทองไปปรึกษามหาจรวยที่เรือน 

“ยิ่งมีคนตายคาคุ้มแบบนี้ อาถรรพ์ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นไหมครับท่านมหา”

“ไสยศาสตร์เป็นของแปลก ยิ่งมีการบูชายัญ ก็ยิ่งเพิ่มความเชื่อ เพิ่มความขลัง เพิ่มมนตราอาคม.. แต่ที่จริง

กลับยิ่งเป็นการสร้างเวรสร้างกรรม”

ตาทองร้อนรนใจ

“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะครับ ท่านมหา”

“ฉันก็พยายามหาทางอยู่ ลุงทอง”


____________________________________________________



คุ้มหลวงในเวลาเช้า มีรถโอบีจอดอยู่ ยังมีรถตู้ที่ขนตัวประกอบมา รถไฟที่ใช้ในการถ่ายทำ รถของอาจารย์ที่ปรึกษา
กองถ่าย แต่บรรยากาศกลับไม่คึกคัก อาจเพราะเพิ่งผ่านพ้นเหตุร้ายมาวันเดียว

เรือนคำหลังหนึ่งถูกสมมติเป็นห้องนอนยอดหล้า มีการตกแต่งให้เป็นยุคโบราณ แต่ด้วยจริตของอาจารย์ที่ปรึกษากองถ่าย
จึงมีการกระหน่ำหนักด้วยดอกไม้สด เครื่องแขวน ผ้าม่าน ผ้าปู ผ้าปัก รวมทั้งเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับที่ธรรมดามนุษย์
จะไม่แต่งกัน 


มาลารินรวบผมเกล้าเปิดหน้ากว้างใหญ่ ปักดอกไม้คำไหวระริกเต็มหัว มีผ้าคาดอกทะลักล้น นุ่งซิ่นมีเชิงวิจิตรบรรจงยาว
กรอมพื้น มีผ้าห่มกึ่งสไบทับวูบวับเป็นทองคำ อยู่กับดาราสาวใหญ่ผู้รับบทเจ้านางหอมุก ที่พื้นมีนักศึกษาแนว ม.พายัพ
ผู้อาจารย์พามารับจ๊อบเป็นนางผัน นางเผื่อน

“เจ้าแม่ ผ้าสองผืนนี้ ข้าจะให้แม่น้ากับน้องดาราราย ดีไหมเจ้า”

หอมุกค้อน “ตามใจเจ้าซี ยอดหล้า”

“ข้าเจ้าอยากเห็นดารารายแต่งตัวงามๆบ้าง”

“ยอดหล้า เจ้าอย่าวางใจน้องคนนี้ของเจ้านัก”


ฐาปกรณ์มองดูในมอนิเตอร์อย่างพอใจ แต่บีบีเม้มปาก แล้วเอามือตบอกผาง ร้องวิ๊ด “คัทๆๆๆ”

นักแสดงชะงัก ฐาปกรณ์อ้าปากค้าง หันมาดูบีบีซึ่งลุกพรวดขึ้น บรรดาทุกผู้คนงงกันไปหมด มาดามสุ รัก ลูกกบขยับมาดู

“อะไร! สั่งคัททำไม!”

“อย่าลืมซีคะ ละครเรื่องนี้เป็นละครแจ้งเกิดลินซี่ ฉะนั้นต้องสวยทุกเม็ดค่ะ”

ฐาปกรณ์เอามือยีหัวตัวเอง มาดามสุเข้ามา

“อ้าว แต่เสื้อผ้าหน้าผมนี่ เราก็แอฟพรูป เคาะกันแล้วนะคะ”

“ก็ตอนนั้นดูด้วยตามันก็ใช้ได้แหละค่ะ แต่พอออกกล้องแล้วเหมือนน้องหนักขึ้น 6 โล ไม่ได้ค่ะ”

“แล้วจะยังไง” ฐาปกรณ์ฉุน

“ก็ดึงผมมาปิดแก้มน้องไงคะ ทำปอยๆอย่างนี้”

บีบีดึงลูกผมทำจอน ฐาปกรณ์ใกล้คุ้มคลั่ง

“นั่นมันผมเกาหลี เจ้านางเหนือนะ ไม่ใช่เกิร์ลเจนเนอเรชั่น”

“ไม่ทราบค่ะ ถ้าไม่ได้.. ก็ต้องให้น้องหยุดถ่าย”

“โว้ย”

“โถ ได้ซีคะ ทำไมจะไม่ได้ มูมู่ มาเร็ว” สุชาดาเอาใจ

มูมู่ มีมี่ เก้ง เข้ามา รุมล้อมมาลาริน ตรีภพ พิมพ์ดาว และแพท พูดไม่ออก ดาราสาวใหญ่ผู้รับบทเจ้านางหอมุก
ส่ายหัวดิก “เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำก่อนนะคะ ท่าจะอีกนาน”

ดาราสาวใหญ่เดินไป นางผัน นางเผื่อน ออกจากเซทไปหาอาจารย์ ฐาปกรณ์หน้าหงิก


มูมู่เซ็ทผมให้มาลารินใหม่ โดยให้ผมปลอมที่เคยทิ้งมาเคลียไหล่ได้ขยับมาบังหน้า ปิดแก้มได้เสี้ยวหนึ่ง ส่วนอีกด้าน
ทำจอนผมก้นหอย 3 เส้นมาปิดแก้ม 

ตรีภพกระซิบกับพิมพ์ดาว “ผมว่าคุ้นๆนะ ทรงนี้”

“แพทก็ว่าเคยเห็นมาก่อน”

“ทรงเพชราค่ะ ตั้งแต่สมัยคุณย่ายังสาว”

“มิน่า ผมว่าคุ้นๆ”

ฐาปกรณ์อยากอาละวาด มาดามสุเอาศอกกระทุ้ง

“ช่างมันคุณ อะไรยอมได้ก็ยอม”

มาดามสุฉีกยิ้ม ถลาไปประคองมาลารินมาที่ตั่ง

“สวยมากค่ะ มาเข้าฉากเลยค่ะ”

มาลารินมาเข้าฉาก รักเรียก 2 สาวนักศึกษาบทนางผัน นางเผื่อน มาเข้าฉาก หอมุก เดินกลับมาจากห้องน้ำ

“เสร็จแล้วหรือคะ ว้าย หนู พี่คิดว่าเพชรา”

ตรีภพหัวเราะพรืด พิมพ์ดาวกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง แพทก้มหน้าทำเป็นไอ


การถ่ายทำดำเนินต่อไป 

“ข้าเจ้าอยากเห็นดารารายแต่งตัวงามๆบ้าง”

มาลารินยกมือลูบปอยผมที่เคลียแก้ม

“ยอดหล้า เจ้าอย่าวางใจน้องคนนี้ของเจ้านัก” หอมุกเตือน

“ทำไมหรือเจ้า”

มาลารินยกมือจับปอยผมอีกครั้ง ฐาปกรณ์ขมวดคิ้ว

“จะทำไม นางสร้อยคำช่างอิจฉาริษยานัก วันๆก็เป่าหูลูกสาวให้ชังเจ้า”

“แม่น้าน่ะหรือเจ้า ไม่จริงหรอก”

“อุ๊ย จริงนะเจ้า” นางผัน นางเผื่อน รีบเสนอหน้า “เจ้านางสร้อยคำน่ะ ร้ายจะตายไปเจ้า”

“เจ้าสองคนพอเถอะ”

มาลารินยกมือลูบผมอีก

ฐาปกรณ์ลุกพรวดขึ้น เอาโทรโข่งใกล้มือปาไป โทรโข่งลอยข้ามหัวบีบีไปปะทะข้างฝาโครม

“อียอดหล้านี่มันยังไง มีเห็บมีเหามีโลนขึ้นหัวเหรอ ถึงได้ลูบอยู่นั่นแหละ ผมนั่นน่ะ” 

มาลารินตกใจ บีบีถลามาขวาง “ว้าย พูดอย่างงี้ได้..”

 “หุบปาก! พอๆๆ ไม่เอาแล้ว”

“เอ้า จวนเที่ยงแล้ว.. ดี พักกินข้าวก่อน” สุชาดารีบแก้สถานการณ์



ฐาปกรณ์เดินปึงๆออกไป มาลารินน้ำตาคลอ ตรีภพ พิมพ์ดาว แพท ลุกขึ้นมองอย่างเห็นใจ ราเชนทร์มองอย่าง
รู้เช่นเห็นชาติ บีบีกางแขนออก

“โอ๋ โอ๋ ไม่เป็นไรนะคะ ลูกขา”

มาลารินถลามา ผ่านอ้อมแขนบีบี ตรงเข้ากอดตรีภพ น้ำตาพร่างพรู

“ลิน ลินซี่ เสียใจค่ะ”

บีบีอึ้ง ตรีภพอึ้งกว่า ตัวแข็ง พิมพ์ดาวกับแพททำตาปริบๆ

“แหม ปลอบคุณลินซี่หน่อยซีคะ” พิมพ์ดาวยุ

“ลินซี่ครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่ฐาแกก็อย่างนี้แหละ โกรธง่ายหายเร็ว”

มาลารินร้องโฮ น้ำตาเปียกเสื้อตรีภพ ตรีภพลูบผมเก้ๆกังๆ มาลารินปรือตามองเลยไป เห็นราเชนทร์มองมาอย่างรู้ทัน
มาลารินปรายตาค้อน เอามือลูบอกตรีภพ ตรีภพขนลุกเกรียว พิมพ์ดาวเชิดใส่

“ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ น้องแพท”

พิมพ์ดาวกับแพทเดินไป ตรีภพมองตาม มือยังลูบผมปลอบมาลารินอยู่


____________________________________________________


คุ้มหลวงเวลากลางคืน ที่ห้องพัก มาลารินแต่งชุดนอนเบบี้ดอลล์นั่งฮัมเพลง แปรงผมอยู่ที่กระจกเงาโต๊ะเครื่องแป้ง บีบีนั่งขัด
เครื่องเพชรอยู่ที่เตียง มาลารินขอยานอนหลับจากบีบี บีบีแปลกใจที่วันนี้ มาลารินยอมกินยานอนหลับง่ายๆ ที่แท้มาลาริน
แอบใส่ยานอนหลับให้บีบีกินแทน


ในคุ้มร้าง ทุกอย่างดูรกร้างทรุดโทรม แต่ที่เติ๋นกลับมีแสงสว่างเรืองรอง ยอดหล้านั่งอยู่หน้าคันฉ่อง งดงามอลังการ นางผัน
นางเผื่อน จัดชายผ้า ปักดอกไม้คำให้ ยอดหล้าไม่เข้าใจว่า ทำไมเวลาไปพบหลวงเทพที่คุ้มหลวง จึงสร้างกายหยาบ
ได้ไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นกายทิพย์ ผิดกับอยู่ที่คุ้มร้าง นางผันจึงเสนอให้ยอดหล้าเชิญหลวงเทพมาที่คุ้มแทน 


เวลา 5 ทุ่ม ตรีภพซึ่งนั่งอ่านบทอยู่บนเตียง ก็เอาบทเก็บไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง ล้มตัวลงนอน ปิดโคมไฟหัวเตียง ส่วนพิมพ์ดาว
นั่งบนโซฟา กำลังทาเล็บเท้าอยู่ใกล้หน้าต่าง เห็นไฟห้องตรีภพดับ “ต๊าย เด็กอนามัย”


ยอดหล้าก้าวมายังชานเรือนกว้าง เห็นท้องฟ้ามืดมนเบื้องบน พลางยื่นมือไป “นกน้อยๆ จงมา” อีกาปีศาจตัวมหึมาบินร่อนลงเกาะ
ที่ข้อมือยอดหล้า 

“ไปหาหลวงเทพ.. พาเขามาที่นี่”

อีกาปิศาจส่งเสียงแก๊กยาว ขยับปีกบินขึ้นสูง ยอดหล้ามองตาม นางผัน นางเผื่อน คิกคักกันอยู่ข้างหลังตามประสาผีแรด

ตรีภพนอนหลับใหลอยู่บนเตียง มีเสียงซึงแผ่วเบาดังแว่วมา ตรีภพเห็นภาพในคุ้มร้างอันงดงาม ยอดหล้าบรรเลงเพลงซึงอยู่ ตรีภพ
กระสับกระส่าย ยอดหล้าบรรเลงเพลง พลางเหลือบตามองมา ทั้งยั่วยวน ทั้งทรงอำนาจ ตรีภพผวาขึ้นนั่งบนเตียง

พิมพ์ดาวซึ่งยังหลับไม่สนิท ก็ได้ยินเสียงเพลงดวงดาวแว่วมาเช่นกัน


ตรีภพนั่งนิ่งบนเตียง มีลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่น ทันใดคล้ายมีลมกระโชก ประตูระเบียงเปิดอ้าออก หมอกประหลาดไหลเอื่อย
เข้ามาตามพื้น แสงสีเขียวอาบไปทั่วห้อง มีเสียงร้องแก๊กยาว ตรีภพมองไป อีกาปีศาจเกาะราวลูกกรงระเบียง ดวงตาลุกจ้า
เป็นเปลวไฟ ตรีภพก้าวลงจากเตียง เสียงเพลงดวงดาวแว่วมาตามลม


พิมพ์ดาวเดินมาที่หน้าต่าง เสียงเพลงดวงดาวยังดังอยู่ พิมพ์ดาวเปิดม่านมองไปแล้วขมวดคิ้ว ที่ประตูระเบียงห้องตรีภพเปิดอ้าอยู่
ตรีภพยืนอยู่กลางแสงสีเขียว ที่ระเบียง อีกามหึมาเกาะอยู่ พิมพ์ดาวพิศวงกับสิ่งที่ตัวเองเห็น อีกาปีศาจหันมา เห็นดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
แล้วกางปีกมหึมาบินขึ้นไป พิมพ์ดาวผงะ

ตรีภพถูกยอดหล้าสะกดให้ออกจากห้องไปคุ้มร้าง แต่มาลารินมาเจอเสียก่อน 

“คุณตรีขา ออกมาทำอะไรดึกดื่นขนาดนี้คะ”

มาลารินขยับมามองดูตรีภพ เห็นสีหน้านิ่งสนิท ดวงตามองตรงไปเบื้องหน้า

“คุณตรี อะไรคะนี่ สลีปวอร์คหรือคะ”

ตรีภพออกเดินต่อ มาลารินยึดแขนไว้ ตรีภพดึงแขนออก มาลารินเข้ากอดจากด้านหลัง สร้อยสายสิญจน์ที่คอมาลาริน
แตะเข้ากับแผ่นหลังตรีภพ ตรีภพชะงัก ตื่นจากภวังค์

“อะไรกันนี่ นี่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”


บนตั่ง ยอดหล้านั่งดีดซึงพลันชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมอง แล้วร้องกรี๊ดอย่างขัดใจ นางผัน นางเผื่อนผงะ 

ทันใด คุ้มอันมลังเมลืองงดงามก็เลือนหาย กลายเป็นทั้งสามอยู่ท่ามกลางความรกร้าง 


มาลารินเกาะแขนประคองตรีภพเข้ามาในห้อง ตรีภพมีอาการเข่าอ่อนทรุดนั่งลงบนโซฟา มาลารินเสียหลักล้มลงไป
บนตัก ”ว้าย” มาลารินประคองตัวขึ้น เอามือคล้องคอตรีภพ สบตาวามวาว ที่ประตูหน้าห้องที่ยังแง้มอยู่ พิมพ์ดาว
มองเข้ามา

“นี่น่ะหรือ ไม่มีอะไรกัน”

ตรีภพเอามือจับไหล่ ประคองให้มาลารินนั่ง แล้วขยับถอยห่าง

“ขอบคุณนะครับ ถ้าคุณไม่มาเจอ ไม่รู้ว่าผมจะเดินไปถึงไหน”

“คุณตรีเคยสลีปวอร์คกิ้งมาก่อนหรือคะ”

“ไม่เคยเลยครับ”

มีลมกรูเกรียวมา ม่านสะบัดไหว เสียงซึงแว่วมา ตรีภพหันไปมอง มีท่าทีอาลัยอาวรณ์

“เสียงเพลง เพลงดวงดาว ผมเดินตามเสียงเพลงนี้ไป”

“เพลงอะไรกันคะ ลินซี่ไม่เห็นได้ยินเลย”

มาลารินลุกขึ้นไปปิดประตูระเบียง แล้วหันมาทำกอดอก “อู๊ย หนาวจัง”

ตรีภพมอง มาลารินกอดอก เอาแขนกดอกให้ทะลักล้น เดินระทดระทวยมา


พิมพ์ดาวหันจะเดินกลับห้องด้วยความไม่พอใจตรีภพ “ทุเรศ!” ลมพัดมาถึงตัว เสียงเพลงแว่วมา พิมพ์ดาวชะงัก


ในห้องตรีภพ มาลารินยืนกอดอกตาแป๋ว

“หนาวหรือครับ”

“ค่ะ”

ตรีภพคว้าเสื้อแจกเกตมาสวมให้มาลาริน มาลารินเซ็ง แล้วกลับคว้ามือตรีภพให้โอบกอดตัวเองจากด้านหลัง

“อุ่นจังเลย”


ตรีภพอึ้ง มาลารินคลายมือ หมุนตัวมายืดอก แหงนมองตรีภพ ตรีภพมองดู มาลารินยวนยั่ว ทันใด มีเสียงกระแทก
ที่ประตูกระจกที่ระเบียง ตรีภพ มาลาริน หันขวับไป เห็นอีกาสีดำมากมายกระแทกประตู จนกระจกแตกเพล้ง อีกาปีศาจ
โฉบดึงสายสิญจน์ขาดจากคอมาลาริน ฝูงกาปีศาจบินพรูเข้ามา เข้าโจมตีตรีภพ มาลาริน มาลารินร้องกรี๊ด เอามือปัดป้อง
ตรีภพคว้าผ้าคลุมเตียงมา ตวัดคลุมตัวเองและมาลาริน

“ระวังครับ”

ฝูงกายังกลุ้มรุมเข้ามาจิกตีจนผ้าคลุมเตียงฉีกขาด ตรีภพ มาลาริน พยายามหนีไปทางประตู แล้วเสียหลักล้มลง ฝูงนกยังกลุ้ม
รุมจิก ประตูเปิดออก พิมพ์ดาวก้าวมามองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง

“คุณพิมพ์ หนีไป”


อีกาหัวหน้าฝูงหันมามองพิมพ์ดาว มีอาการราวจำได้ มันตาลุกเป็นไฟ พุ่งมาใส่พิมพ์ดาว พิมพ์ดาวยกมือป้องปิด เบือนหน้าหลบ
เขี้ยวเสือไฟเปล่งแสงเจิดจ้า มีภาพพร่างพรายของหน้าเสือแยกเขี้ยวคำราม เสียงเสือดังกึกก้อง อีกาปีศาจลนลานบินหนีไป
ทางประตูระเบียง ฝูงกาบินตามไป เพียงครู่เดียวห้องก็สงบ ราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

ตรีภพจับไหล่พิมพ์ดาว “คุณไม่เป็นอะไรนะ”

พิมพ์ดาวสะบัดตรีภพเซไป เดินไปดูที่ระเบียง ตรีภพเดินตาม บนท้องฟ้า เห็นฝูงการาวหมอกควันสีดำ บินตรงไปยังคุ้มร้าง
แก้ว ฐาปกรณ์ มาดามสุ สายใจ เฟื่องฟ้า ระริน ตาทอง ราเชนทร์ แพท ดาราอาวุโส โผล่มา มาลารินโผไปกอดแก้ว ร้องไห้โฮ
แก้วมองดูสภาพห้องแล้วเม้มปาก

ตรีภพ พิมพ์ดาว สบตากัน พิมพ์ดาวหมางเมิน


ยอดหล้ายืนอยู่ที่ระเบียงคุ้มร้าง ชายผ้าปลิวสะบัดไหว นางผัน นางเผื่อน ยืนอยู่เบื้องหลัง ฝูงกาปีศาจบินวนรอบตัว อีกาปีศาจ
บินมา ยอดหล้ายื่นมือไป มันเกาะข้อมือไว้ ปากร้องแก๊กๆ ยอดหล้านิ่งฟัง

“ดารารายอันใดของเจ้า”

อีกายังคงร้อง

“ไม่ใช่ นังนั่นชื่อมาลาริน ข้าจะสั่งสอนมันเอง”

อีกาทำตาปริบๆแล้วบินไป ยอดหล้าโกรธแค้น ดวงตาเจิดจ้า


____________________________________________________


ในห้องพักตรีภพ ซึ่งเก็บกวาดเรียบร้อย ช่าง 2 คนกำลังวัด ติดตั้งบานกระจกใหม่ ตาทองกับสายใจยืนคุมงานอยู่ พลาง
ลดเสียงลง เหมือนไม่อยากให้ 2 ช่างได้ยิน

“อีกาอะไรรวมกลุ่มกันโจมตีคน ฉันเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น” สายใจว่า

“เพราะนี่ไม่ใช่อีกาธรรมดาน่ะซี”

“อีกาผีหรือ พี่ทอง” สายใจตาเบิกกว้างอย่างหวาดหวั่น เสียงดังขึ้น 2 ช่างมองมา

“เธอจะตะโกนทำไมนะ”

แก้วเดินมาหยุดฟัง ตาทองและสายใจไม่เห็น

“นอกจากผีม้าบ้อง แล้วยังมีฝูงอีกาผีอีกหรือพี่”

“ฉันไปหามหาจรวยมา ท่านมหาบอกว่ากำลังหาวิธีป้องกันคุ้มหลวงไม่ให้ ‘อะไร’ เข้ามาได้”

แก้วรำพึงอยู่หลังประตู “มหาจรวยอย่างนั้นหรือ”

สายใจมีอาการหนักใจ “ให้มันจริงเถิ๊ด”


ในห้องสมุดคุ้มหลวง แก้วนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือใหญ่ ตรงหน้ามีพวกจดหมายเก่า บันทึก
ของเจ้าเก็จถวา ตาทอง
เข้ามา แก้วเงยหน้าขึ้นมอง

“คุณแก้วให้หาผมหรือครับ”

“มหาจรวยเป็นใครกัน ตาทอง”

ตาทองอึ้งไป มองแก้วอย่างระแวงระวัง ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน

“คุณแก้ว ไปเอาชื่อนี้มาจากไหนครับ”

แก้วพลิกสมุดบันทึก

“จากไดอารี่ของเจ้าย่าน่ะซี เจ้าย่าดำริจะสร้างสถานปฏิบัติธรรมให้มหาจรวยดูแล แต่ยังไม่ทันเริ่ม
เจ้าย่าก็มาสิ้นเสียก่อน ฉันอยากสานต่องานของเจ้าย่า”

ตาทองเชื่อในเรื่องที่แก้วอ้าง ยิ้มออก


“หรือครับ ดีเหลือเกินที่คุณแก้วจะสานต่องานของแม่เจ้า จะได้เป็นบุญเป็นกุศลต่อไปครับ”

แก้วยิ้มขมขื่น “ใช่ ให้บุญกุศลช่วยล้างกรรมที่ฉันทำลงไปบ้าง”

ตาทองงง แต่ไม่กล้าถาม

“เล่าเรื่องมหาจรวยให้ฉันฟังหน่อย ว่าเป็นใคร.. อยู่ที่ไหน”

ตาทองยิ้ม เริ่มเล่า แก้วนิ่งฟัง


ที่ฉากเรือนคำ ห้องของยอดหล้าในละคร มาลาริน พิมพ์ดาว ตรีภพ นั่งเรียงรายให้มีมี่แต่งหน้า
มูมู่ทำผม บีบีมาดูความเรียบร้อย บีบีไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อคืนเกิดเรื่องครึกโครมตัวเองยังหลับ
ไม่รู้เรื่อง มาลารินทำไม่รู้ไม่ชี้ บีบีขัดใจที่ฐาปกรณ์ไม่ยอมให้มาลารินทำผมก้นหอย แต่ก็ไม่กล้าแย้ง


การถ่ายทำละครดำเนินต่อ เจ้าหลวง เจ้านางหอมุก เจ้านางสร้อยคำ มาลาริน พิมพ์ดาวเข้าฉาก 

เจ้าหลวงหน้าเคร่ง ดวงตาดุ เจ้านางหอมุกยิ้มสมใจ มาลารินหน้าเผือดอยู่ใกล้ๆ ที่พื้น พิมพ์ดาว
ในชุดผู้ชายขะมุกขะมอมคุกเข่าอยู่ สร้อยคำคุกเข่าอยู่ด้วย คล้ายเพิ่งจับลูกให้คุกเข่าขอโทษ 

“เจ้าจะก่อเรื่องไปถึงไหน ดาราราย”

“ข้าแค่ไล่อีกาที่มาขโมยจิ้นเนื้อเจ้า”

“ไล่อันใด เจ้ายิงอีกาจนมันตายเสียบกับเรือนยอดหอคำ รู้ไหมว่าเป็นขืด เป็นกาลกิณีนัก” 

“นั่นก็ขืด นี่ก็กาลกิณี ข้อห้ามมากมายนัก ข้าเจ้าจำมิได้หรอกเจ้า”

เจ้านางหอมุกตบอกผาง มาลารินหน้าเสีย บุ้ยบ้ายให้พิมพ์ดาวอย่าเถียง

“นังลูกคนนี้ ดูๆ ปากคอเจ้า” เจ้าแสงอินทร์ดุ

เจ้านางสร้อยคำมองลูกสาวอย่างอ่อนใจ

“ดาราราย เจ้าจะยั่วให้เจ้าพ่ออกแตกหรือ”

“เจ้าพ่อไม่อกแตกดอกเจ้า.. เพราะเดี๋ยวก็จะเป็นขืดอีก”

“ว้าย” หอมุกอุทาน

เจ้าหลวงกระทืบเท้าชี้นิ้ว

“เจ้ายังไม่หุบปากอีก ลูกอะไรอย่างนี้ ทำไมเจ้าไม่เอาอย่างพี่ยอดหล้า พี่สาวเจ้า วันๆพี่เจ้า
ทำแต่เรื่องเจริญตาเจริญใจ”

“ใช่เจ้า” หอมุกย้ำ

“เจ้าแม่” มาลารินปรามแม่ ดารารายจะเถียงอีก สร้อยคำหยิกลูก แล้วยิ้ม พูดกระทบหอมุก

“จริงด้วย ใยเจ้าไม่เอาอย่าง ‘เจ้านางยอดหล้า’ ข้าจะได้ลอยหน้าบานใจ ที่มีลูกเป็นเบญจกัลยาณีบ้าง”

“โธ่ แม่น้า อย่าพูดอย่างนี้เลยเจ้า”

หอมุกมองสร้อยคำตาวาว มาลารินก้าวมาหน้าแสงอินทร์ คุกเข่าลง

“เจ้าพ่อเจ้า อภัยให้ดารารายด้วยเถิดเจ้า น้องมิได้มีเจตนาร้าย มิได้จงใจให้เกิดอัปมงคล ตอนนี้ควรเอาซากกาลงมา
แล้วทำพิธีแก้อัปมงคลมิดีกว่าหรือเจ้า”

“ยอดหล้า.. เจ้าสมแล้วที่เป็นลูกสาวข้า”

ทางด้านหลังกล้อง ฐาปกรณ์ดูมอนิเตอร์อย่างพอใจ “คัท! ดีมาก ดีมาก”


พิมพ์ดาวมองไปแล้วตกตะลึง ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป แม้สถานที่ยังใกล้เคียงฉาก แต่เจ้าแสงอินทร์ หอมุก สร้อยคำ
ข้างตัว นางผัน นางเผื่อน นางทิพย์ นางทิม กลับกลายเป็นคนอื่นหมด ตรีภพมองพิมพ์ดาว เห็นอาการตะลึงจังงัง  
พิมพ์ดาวมองไปที่มาลาริน ที่คุกเข่าหันหลังให้ มาลารินหันมา แต่มิใช่มาลาริน แต่กลับเป็นใบหน้างามสคราญของหญิง
ในความฝัน

“เจ้ายอดหล้า”

ยอดหล้ามองน้องสาวอย่างอ่อนใจ

 

 

 

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 11บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 8
 
 
 
ชมทีวีออนไลน์ช่อง 5 แบบสดๆ ได้ที่นี่
ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง
     Facebook.com/TVSociety