รีเซต

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 12

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 12
6 กุมภาพันธ์ 2557 ( 14:32 )
12.4K

คุ้มนางครวญ ตอนที่ 12

ที่ห้องนั่งเล่น พิมพ์เดือนนั่งขัดสมาธิกับพื้น เอาแลปส์ท็อปวางบนโต๊ะกาแฟ มีหนังสือเชิงโบราณคดีวางอยู่ข้างๆ จันทราอยู่บนโซฟาชะโงกหน้ามาดูด้วย ส่วนข้างๆใบเฟิร์นก็ชะเง้ออยู่ที่พื้น

“พี่พิมพ์สไกป์มาแล้วค่ะ”

“แม่ขา หวัดดีค่ะ”

“ค่ะ แม่คุณ แม่ทูนหัว”

“หนูก็อยู่นะคะ คุณพิมพ์”

ที่ห้องพักในคุ้มหลวง พิมพ์ดาวเอาแลปส์ท็อปมาตั้งที่โต๊ะเขียนหนังสือ มีพงศาวดารเวียงแก้วอยู่ข้างๆ

“ย่ะ ยายใบเฟิร์น”

“เป็นยังไงบ้างลูก”

“ก็นอกจากมีคนตกลงมาตายกลางโต๊ะบวงสรวง ก็ยังไม่มีเรื่องอะไรค่ะ”

“นี่.. แม่ไม่ได้ตลกด้วยนะจ๊ะ”

พิมพ์ดาวถอนใจเมื่อเห็นท่าทีห่วงเกินปรกติของจันทรา

“แล้วมีเรื่องอะไรแปลกๆบ้างไหม”

“ก็ที่นี่เป็นคุ้มเก่า ก็มีใครเจออะไรแปลกๆบ้างค่ะ”

พิมพ์เดือนกับใบเฟิร์นสบตากัน

“ว้าย ผีเหรอ” ใบเฟิร์นร้อง

“แต่หนูยังไม่เคยเจออะไรค่ะ”

“ดีแล้วล่ะ ยังไงก็ หนูอย่าให้เขี้ยวเสือไฟห่างตัวนะลูก”

พิมพ์ดาวนึกถึงวันที่ฝูงกาปีศาจโจมตี แล้วจู่ๆก็หนีไป

“ค่ะ”

จันทราขยับถอย พิมพ์เดือนหันจอคอมมาส่องตัวเอง

“พี่พิมพ์ หนูไปค้นข้อมูลในหอกลางมาแล้วนะคะ”

“เป็นยังไงบ้างล่ะ”

“มีเรื่องประวัติศาสตร์เวียงแก้วจริงๆค่ะ”

“ที่พี่อ่านเป็นพงศาวดาร ใช้ภาษาโบราณอ่านย๊ากยาก ศักราชก็เป็นมหาศักราช แล้วมีเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์เต็มเลย”

“พงศาวดารก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์เมืองเหนือก็เล่าเรื่องเมืองนี้ไว้”

“ว่ายังไงบ้าง”

“เมืองนี้เป็นเมืองโบราณ เป็นเมืองพันธมิตรของเชียงใหม่มาตั้งแต่ราชวงศ์มังราย ต่อมาก็ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งแต่ยุคบุเรงนอง จนในสมัยราชกาลที่ 1 พระพุทธยอดฟ้า เมืองนี้ก็เป็นเมืองประเทศราชของสยาม”

“แล้วเหตุการณ์ในละครเรื่องนี้ล่ะ”

“ยุคของเจ้าแสงอินทร์ก็ประมาณสมัยพระพุทธเลิศหล้าของเราค่ะ ประวัติศาสตร์บอกว่า ปลายสมัยเจ้าแสงอินทร์เกิดการกบฏ แต่ทางสยามส่งทหารไปช่วยจึงปราบกบฏได้”

“ไม่เห็นมีในละครเรื่องนี้เลย”

“เป็นเรื่องหลังจากเหตุการณ์ในละครมังคะ”

“เมืองนี้กับเจ้าแสงอินทร์มีตัวตนจริง แล้วเรื่องของราชธิดา 2 คนล่ะ มีจริงหรือเปล่า”

 

ที่คอนโดตรีภพ ตฤณนั่งบนโซฟา เอาเท้าพาดโต๊ะกาแฟอย่างสุขารมณ์ กำลังคุยโทรศัพท์กับตรีภพ ตรงหน้า ทีวีจอแบนเปิดช่องแฟชั่น มีนางแบบเดินวับแวมเปิดเปลือยอยู่

“หา! นี่แกละเมอเดินหรือ แล้วเคยมีอาการมาก่อนไหม”

ที่ห้องตรีภพในคุ้มหลวง ตรีภพยืนอยู่ที่ระเบียง

“ไม่เคยโว้ย”

“แน่ใจนะ แล้วสมัยเด็กๆล่ะ มีบ้างไหม”

“ไม่มี ถ้ามีก็ต้องเคยได้ยินพ่อกับแม่พูดถึงบ้างซี”

“แกเครียดเรื่องงานหรือเปล่า”

“มันก็มีบ้าง แต่ก็เป็นอย่างงี้ทุกเรื่อง”

“แล้วละเมอไปเข้าห้องใครบ้างหรือเปล่า” ตฤณเริ่มทะลึ่งตามนิสัย

“โถ ไอ้หมอลามก ไม่มี”

“แน่ใจ? แกไม่ละเมอไปเข้าห้องคุณลินซี่บ้างหรือ”

“ไม่มีโว้ย มีแต่คุณลินซี่ละเมอมาเข้าห้องฉัน”

 ตฤณตาเหลือก “จริงหรือวะ เล่า เล่า เล่า เอาละเอียดแบบเนื้อๆเน้นๆ”

“พูดเล่นโว้ย”

ตฤณหมดมู๊ด “โถ ไอ้หอก อุตส่าห์ตื่นเต้น”

“เออ แกจะได้ลาพักเมื่อไหร่ อาทิตย์หน้าเหรอ”

“เออ”

“ขึ้นมาซีวะ จะได้มาถล่มไอ้แก้วกัน”

“แล้วไอ้แก้วเป็นยังไงบ้างวะ”

ตรีภพอึ้งไปนิดหนึ่ง เมื่อนึกถึงความผิดปรกติของแก้ว

“แกก็มาดูมันเองก็แล้วกัน”

 

ในห้อง พิมพ์ดาวสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ นั่งบนเตียงกำลังอ่านพงศาวดารเวียงแก้วอย่างใจจดใจจ่อ

“เจ้าหลวงเทพลือไชย สวามิศักดิ์ต่อม่าน รีดนาทาเร้นส่วยสาจากชาวนาคร และข่มเหงคะเนงร้ายต่อชาวเมืองได้ทุกข์ยากยิ่งแล บรรดาขุนมีขุนเวียงเป็นหัวหน้าได้ลุกฮือขึ้นจับเจ้าหลวงเทพลือไชย สำเร็จโทษเสีย ขุนเวียงได้นำทัพขับไล่พม่าออกจากเวียงแก้วได้สำเร็จ ขุนทั้งหลายจึงยกขุนเวียงขึ้นเป็นเจ้าหลวงเวียงแก้ว ชื่อว่าเจ้าหลวงแสงฟ้า”

พิมพ์ดาวจดชื่อลงในสมุดโน้ตใกล้ตัว

จู่ๆเกิดเมฆฝนมหึมาเคลื่อนมาบดบังท้องฟ้าเหนือคุ้มหลวง บรรยากาศมืดลงราวเป็นเวลาใกล้ค่ำ

“เจ้าหลวงแสงฟ้าเป็นปู่ของเจ้าหลวงแสงอินทร์” แล้วอยู่ดีๆ ในห้องมืดวูบลง พิมพ์ดาวเงยหน้าดู

“อะไรนี่ เมฆฝนหรือ ตาย มืดอย่างกะทุ่มนึง”

นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลา 15.00 นาฬิกา ที่นอกหน้าต่าง อีกาปีศาจเกาะกิ่งไม้มองดูพิมพ์ดาวเขม็ง ดวงตาลุกเป็นไฟ พิมพ์ดาวลุกขึ้นคว้าหมวกอาบน้ำมาคลุมผม แล้วมองดูเงาตนเองในกระจก เห็นสร้อยเขี้ยวเสือไฟ พิมพ์ดาวถอดสร้อยออก วางลงบนถาดกระเบื้องบนโต๊ะเครื่องแป้ง

พิมพ์ดาวเดินมากลางห้อง คว้าผ้าเช็ดตัวขึ้น ทันใดมีเสียงกระจกแตก พิมพ์ดาวหันขวับไปแล้วอ้าปากค้าง

ที่นอกหน้าต่าง มีฝูงกามากมายบินวนไปมา อีกาใหญ่ตัวหนึ่งบินเข้าชนกระจกแตก  อีกาหัวหน้าบินเข้าหาพิมพ์ดาวและเข้าจิกตี พิมพ์ดาวร้องวิ้ด เอาผ้าเช็ดตัวปัดป้องและฟาดกลับ อีกาเข้าจิกทึ้งจนผ้าเช็ดตัวติดกรงเล็บกระชากปลิวไป ที่นอกหน้าต่าง อีกาตัวอื่นๆ ก็พุ่งเข้าชนกระแทกหน้าต่าง พิมพ์ดาวได้สตินึกออกเรื่องเขี้ยวเสือไฟ รีบวิ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง  อีกาใหญ่บินขึ้น พุ่งเข้าหาพิมพ์ดาว หน้าต่างกระจกแตกเพล้งทุกบาน ฝูงอีกาบริวารบินกรูเข้ามา

พิมพ์ดาวถึงโต๊ะเครื่องแป้ง คว้าเขี้ยวเสือไฟขึ้นมา ชูขึ้นตรงหน้า เกิดแสงเจิดจ้าขึ้น มีเส้นแสงคล้ายหน้าเสือคำราม

ฝูงกาบินหนีไปราวหมอกควัน ประตูห้องเปิดออก ราเชนทร์พรวดเข้ามา

“คุณพิมพ์ เกิดอะไรขึ้นฮะนี่ พวกนกผีนั่นอีกแล้วหรือ”

พิมพ์ดาวยังคงตกใจตัวสั่น ราเชนทร์ก้าวไปใกล้ โอบกอดปลอบ

“ไม่เป็นไรแล้วครับ”

ที่หน้าประตู มาลารินกับตรีภพก้าวมาเห็นราเชนทร์ยืนกอดพิมพ์ดาวในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ ตรีภพอึ้ง ราเชนทร์มองตรีภพอย่างท้าทาย มาลารินเกาะแขนตรีภพ

“คุณพิมพ์ คุณเชน เกิดอะไรขึ้นคะ”

พิมพ์ดาวเพิ่งรู้สึกตัวว่ากอดราเชนทร์อยู่ รีบขยับตัวออก มองตรีภพ ตรีภพทำเฉย มาลารินแอบยิ้ม

 

อีกาปีศาจบินร่อนอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆฝน แล้วร่อนลงสู่คุ้มร้างเบื้องล่าง ผ่านระเบียงสู่ชานเรือน แล้วบินสู่เรือนด้านใน จนถึงเติ๋นที่สำราญของยอดหล้า บนตั่ง ร่างยอดหล้าปรากฏขึ้นจางๆ ที่พื้น นางผัน นางเผื่อน เป็นเงาสลัว แล้วชัดขึ้น อีกาบินไปหายอดหล้า ยอดหล้ากรายแขนมาเบื้องหน้า อีการ่อนลงเกาะ

“เจ้านกน้อย อันใดของเจ้าอีก”

อีการ้องก๊อกแก๊ก ยอดหล้านิ่งฟัง แล้วขมวดคิ้ว

“ดาราราย เจ้าเห็นดารารายเช่นนั้นหรือ”

นางผัน นางเผื่อน ตาโต

“เจ้านางน้อยหรือเจ้า”

ยอดหล้าปรายตามองอย่างไม่พอใจ แล้วลุกขึ้น

“เจ้านกน้อยบอกข้าถึงสองคราแล้ว นังน้องทรยศของข้าอยู่ใกล้ๆนี่เองหรือ”

ยอดหล้าโบกมือ น้ำในขันสาครใหญ่พลิ้วไหวกระเพื่อม

 

พิมพ์ดาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แพท เฟื่องฟ้า ระริน เก็บกวาดเศษกระจกอยู่ พิมพ์ดาวยังคงหน้าซีด มองดูเงาตนเองในกระจก

“พี่พิมพ์ เป็นไงบ้างคะ” แพทเป็นห่วง

“ดีขึ้นแล้วค่ะ”

เฟื่องฟ้า ระริน หน้าเผือดเพราะกลัวผี

“ต้องเป็นอีกาผีแน่เลยค่ะ”

“คุณพิมพ์พกพระอะไรคะนี่” ระรินถาม             

พิมพ์ดาวส่ายหน้า แล้วหยิบสร้อยเขี้ยวเสือไฟมาสวม

 

ภาพห้องพิมพ์ดาวกลายเป็นภาพในน้ำ เห็นเพียงแพท เฟื่องฟ้า ระริน พิมพ์ดาวเลือนหายไป

ยอดหล้าขมวดคิ้ว

“นกน้อย เจ้าจำผิดแล้ว”

อีกาปีศาจร้องแก๊กคล้ายเถียง แล้วบินขึ้น โฉบผ่านหัวนางผัน นางเผื่อน จนมวยผมกระจาย อีกาบินจากไป ยังคงร้องแก๊กๆ ไปตลอดทาง ยอดหล้านั่งลง ยังคงสงสัย

 “นกน้อยของข้าชังดารารายนัก ไยจึงจำผิดได้”

                _________________________________________________________________

 

ห้องพักตรีภพในเวลากลางคืน ตรีภพนั่งบนเก้าอี้นอน กำลังอ่านบทพลางจิบเบียร์ไปด้วย ที่โต๊ะเตี้ยตรงหน้ามีเบียร์กระป๋องเปล่า 3-4 กระป๋องล้มกลิ้งอยู่ พอนึกถึงพิมพ์ดาวกอดกับราเชนทร์ ก็อารมณ์เสีย ปิดบทวางโครมลง

 

มาลารินนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ใส่ชุดนอนเบบี้ดอล ทับด้วยเสื้อคลุมยาว ที่คอสวมสายสิญจน์ ทำให้ดูพิลึก กำลังปัดขนตาซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วทำตาแป๋วกับกระจก ข้างหลัง บีบีนั่งทำตาปรือ ในมือถือแก้วเปล่า

“นังลิน.. แก แกเอาอะไรใส่ยาฉัน”

มาลารินหันไปดู รู้ว่าความแตก แต่ก็ไม่แยแส

“แวเลี่ยมกับดอมิคุ่มค่ะ”

“อี.. อีปลวก”         

ขาดคำบีบีก็ล้มตะแคงไปบนเตียง มาลารินยักไหล่ หันมาฉีดน้ำหอมฟูด

 

ยอดหล้าก้าวมาที่ระเบียงคุ้มร้าง มองไปยังทิศของคุ้มหลวง ผ้าคลุมไหล่ลากระพื้น นางผัน นางเผื่อน ก้าวตาม “เจ้าหมอผี กำแพงไฟของเจ้า.. กั้นมนตราของข้ามิได้หรอก” ยอดหล้าดวงตาเจิดจ้า

 

ตรีภพเทเบียร์ลงคอจนหมดกระป๋อง กำลังอารมณ์เสียที่เบียร์หมด ทันใดมีลมพัดมา กระชากประตูระเบียงเปิดออก ม่านสะบัดไหว ตรีภพลุกขึ้นหันไปดู เสียงซึงเล่นเพลงดวงดาวดังแว่วมา ม่านบางปลิวไหวคล้ายมือกวักเรียก ตรีภพนิ่งขึงจังงัง ปล่อยกระป๋องเบียร์ตกลงพื้น ดวงตาจ้องตรงไป ตกอยู่ในมนต์สะกด

 

มาลารินเดินอกกระเพื่อม ชายชุดคลุมลากระพื้นมา เดินตรงไปยังห้องตรีภพอย่างมาดมั่น แล้วมองไปเห็น: ตรีภพเดินอยู่ไกลๆ มาลารินตาโต กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

”คุณตรี! ว้าย ผีหรือคนเนี่ย”

ตรีภพจ้องไปเบื้องหน้า เดินตรงไปยังเขตกำแพง มาลารินสะกดรอยตามมา มีเสียงม้าร้องดังก้องประหลาด มาลารินขนลุกเกรียวมองไป ที่สุดถนนมีหมอกควันบดบังทุกอย่าง มาลารินยกมือคลำสายสิญจน์ที่คอ ตรีภพยืนนิ่ง มองไปอย่างเลื่อนลอย มีเสียงล้อรถบดพื้นดังมา ม้าปีศาจดวงตาและขนแผงคอลุกเป็นไฟ วิ่งลากรถออกจากกลุ่มควัน มาลารินยกมือปิดปาก รถนั้นจอดลงหน้าตรีภพ ประตูเก๋งรถเปิดออกเอง ตรีภพก้าวขึ้นไป ประตูปิดลง ม้าปีศาจลากรถเลี้ยวกลับ ท้ายรถมีที่สำหรับยืนได้ มาลารินลืมกลัว วิ่งชายผ้าปลิว กระโดดเกาะท้ายรถ รถม้าแล่นหายไปในกลุ่มควัน

 

คุ้มร้างคืนสู่สภาพคุ้มน้อยเมื่อเกือบ 200 ปีก่อน แต่งดงามมลังเมลืองยิ่งกว่า ตรีภพก้าวเดินไป มนต์สะกดถูกคลายลงครึ่งหนึ่ง ตรีภพรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น มองดูทุกอย่างรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ เสียงซึงดังแว่วมาตลอด

บนเติ๋น ยอดหล้านั่งเล่นซึงเพลงดวงดาว ใบหน้าก้มลงนิดๆ นิ้วเรียวยาวดีดซึงอย่างชำนาญ นางผันนั่งร้อยมาลัยส่งกลิ่นกำจาย นางเผื่อนโบกพัดรำเพยลมอยู่แทบเท้า ตรีภพก้าวไปยืนเกาะเสา มองดูยอดหล้า หูฟังเพลงอย่างเคลิบเคลิ้ม ยอดหล้ายิ้มมุมปาก

 

“พี่เทพเจ้า เมื่อมาแล้ว ใยจึงมิเข้ามาเจ้า”

ตรีภพเดินเข้าไป ยอดหล้าวางซึงลงข้างตัว มองตรีภพอย่างสุดรัก นางผัน นางเผื่อน กราบลงพลางคิกคักกัน ตรีภพยืนนิ่ง ยอดหล้านิ่วหน้าอย่างเอ็นดู

“พี่จะยืนขาแข็งอยู่ทำไมกันเจ้า”

ยอดหล้าลุกขึ้น 2 มือออกจับ 2 มือตรีภพ ดึงถอยหลังมาให้นั่งลงข้างๆ

“เจ้ายอดหล้า”

“พี่เทพ ใยจึงเรียกข้าเจ้าห่างเหินขนาดนั้น”

“ผมบอกแล้วว่าผมชื่อตรีภพ พี่เทพเป็นแค่ตัวละครที่ผมเล่น”

“ข้าเจ้าก็บอกพี่แล้วเช่นกัน ว่าพี่คือหลวงเทพภักดี พี่เทพของข้า เมื่อกาลก่อน.. และ ณ ตอนนี้ด้วย”

“หมายความว่าอะไร”

“ภพชาติดุจเมฆหมอกบดบังความทรงจำของพี่”

“ภพชาติ”

“ในชาติปางก่อน พี่คือพี่เทพของข้าไงเจ้า”

ตรีภพตกตะลึงพรึงเพริด ยอดหล้ายิ้มแย้ม

มาลารินซึ่งตามตรีภพมาแอบดูทั้งคู่ที่หลังเสาไม้

ยอดหล้าจับมือตรีภพขึ้นมา “แต่พี่ต้องจำอะไรได้บ้างซีเจ้า”

ตรีภพส่ายหน้า “ผมจำไม่ได้”

ยอดหล้าขุ่นใจ ปล่อยมือตรีภพ แล้วยิ้มออก กรีดนิ้วบนสายซึง

“มีซีเจ้า พี่จำเพลงนี้ได้”

“เพลงดวงดาว”

“ใช่เจ้า ข้าเจ้าแต่งทำนองเพลงนี้ไว้ แต่พี่.. พี่แต่งบทกลอนขึ้นให้ข้า”

ยอดหล้าหน้าแดง “เพื่อบอกความในใจ เพื่อสารภาพรักข้า”

“ผมจำได้”

ยอดหล้ายิ้ม

“เพราะมันคือเรื่องราวในบทละครที่ผมเล่น”

ยอดหล้าชะงัก แล้วค้อนตรีภพ

“เรื่องราวเหล่านั้นเป็นความจริงเจ้า หลวงเทพ”นางผัน นางเผื่อนคิกคัก

“ข้ายังจำคำบอกรักของท่าน บนเรือล่องแม่ปิงได้ ราวมันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เจ้า”

ตรีภพขมวดคิ้วครุ่นคิด

 

มาลารินโผล่หน้าจากหลังเสามองไป ท่ามกลางความขมุกขมัว ร่างยอดหล้าอยู่กับตรีภพบนตั่ง นางผัน นางเผื่อนอยู่แทบเท้า แต่ร่างของทั้งสามโปร่งแสงจนมองทะลุได้ รอบด้านดูรกร้าง ฉากกั้นผุกร่อน ตู้ต่างเปิดอ้าว่างเปล่า แต่มีแสงสีเขียวจางๆ อาบทุกสิ่งดูน่าสะพรึงกลัว

ยอดหล้าทำปากเชิดแง่งอน “พี่จำไม่ได้ ข้าจะทำให้พี่จำได้เดี๋ยวนี้”

“คุณตรี!” มาลารินยกมือปิดปาก ถอยกรูดๆ ไปชนกับกระถางต้นไม้ล้มเอียงแตกเปรื่องปร่าง ยอดหล้า นางผัน นางเผื่อนชะงักหันไป มาลารินยืนตาเบิกกว้าง รู้ว่าทั้งสามรู้ตัวแล้ว

จู่ๆตรีภพก็กระพริบตา ตื่นจากภวังค์

“อะไรนี่ นี่ ที่นี่ที่ไหน”

ตรีภพมองไปรอบตัวก็ตกใจ เมื่อเห็นตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืด และรกร้าง

ยอดหล้าลุกขึ้นยืน คว้าแขนตรีภพ แต่มือพลันทะลุแขนตรีภพไป “พี่เทพ”

ตรีภพไม่ได้ยิน ไม่รับรู้สัมผัส ยอดหล้าผงะ หน้าเสียรู้ว่าอำนาจของตนไม่คงที่ นางผัน นางเผื่อนก็ตกใจ มองกันล่อกแล่ก มาลารินมองมา เห็นร่างยอดหล้า นางผัน นางเผื่อนหายวับไป มาลารินเอามือกำสร้อยวิ่งพรวดไปหาตรีภพ

“คุณตรีขา”

“ลินซี่ มาได้ยังไง นี่ผมอยู่ที่ไหน”

“ฮือ อย่าถามเลยค่ะ ไปกันเถอะค่ะ”

มาลารินคว้าข้อมือตรีภพ พาเดินแกมวิ่งไปจากที่นั่น

 

ยอดหล้ามองมาจากบนหอสังเกตการณ์ด้วยดวงตาคั่งแค้น นางผัน นางเผื่อนอยู่ข้างหลัง

“วายุ ลุกขึ้น” ยอดหล้าสั่ง

ที่ลานคุ้ม ร่างม้าปีศาจผุดขึ้นจากใต้ดิน

ยอดหล้ายิ้มเหี้ยมเกรียม

“พามันไปส่ง วายุ”

ม้าปิศาจยกขาหน้าพยศ ดวงตาและแผงคอเป็นไฟ เสียงร้องเป็นเสียงอสูรกาย

“ม้าผี ม้าผีมันมาแล้ว” มาลารินร้อง

ตรีภพและมาลารินมาถึงรั้วคุ้มหลวง ตรีภพจับเอวมาลาริน ส่งขึ้นไปก่อน

“คุณตรี เร็วค่ะ”

ตรีภพปีนตาม

ตรีภพและมาลารินลงมาจากกำแพงรั้ว ทันใดกำแพงเบื้องหน้าพลันเกิดแสงไฟตามรอยต่อของอิฐ

มาลาริน ตรีภพ เบิกตากว้าง มีเสียงม้าร้องกึกก้อง ม้าปีศาจกระโดดข้ามรั้วสูงเข้ามา ข้ามหัวมาลาริน ตรีภพ ที่ล้มกลิ้งลง ม้าปีศาจหันกลับ ตรีภพและมาลารินตะกายลุก มาลารินเกิดความคิด คว้าสร้อยสายสิญจน์ออกชูป้องหน้า ตรีภพมอง มาลารินส่งให้

“ฮือ เอานี่สู้มันค่ะ”

ม้าปีศาจพลันยก 2 เท้าพยศคุกคาม ดวงตาลุกเป็นไฟ ตรีภพตัดสินใจโยนสายสิญจน์ไป สายสิญจน์ตกลงคล้องคอม้า ม้าปีศาจแผดร้องคล้ายเจ็บปวด

“มันกลัวค่ะ”

ขาดคำม้าก็พยศชู  2 ขาหน้าโถมใส่ตรีภพ ตรีภพกระเด็นไป ศีรษะโขกกระแทกโขดหินที่ตกแต่งสวน ตรีภพรุดลงกองหมดสติไป ม้าปิศาจยังคงดิ้นรน พยศ กระแทกตัว มาลารินล้มกลิ้ง เสื้อผ้าขาดวิ่น ทันใดสายสิญจน์ที่คล้องคอก็ติดไฟ ไหม้สลายวูบไป

“ ดีมาก วายุ” ยอดหล้าปรากฏกายขึ้น ลูบคลำแผงคอไฟ “เข้าไปได้แล้ว”

ม้าปีศาจร้องเหมือนรับคำแล้ววิ่ง ร่างเลือนหายไป

ยอดหล้ายืนนิ่ง แล้วเหลือบมองมาลาริน มาลารินถอยกรูดไปชนนางผัน นางเผื่อนที่ยืนอยู่ นางผัน นางเผื่อนจิกผมมาลาริน กระชากให้ยืน มาลารินหน้าหงาย ยอดหล้าก้าวมามองมาลารินอย่างจงชัง

“น่าชังนัก พวกมันนึกยังไง จึงให้เจ้ามาเล่นเป็นข้า”

“นังผี ฮือ แกพูดอะไร”

“อย่าหวังเลยว่าเจ้าจะได้แตะต้องพี่เทพ”

“แกเป็นผี ไม่มีตัวตน ไปนะ”

ยอดหล้าโกรธตาวาว เพราะถูกจี้ใจดำ “อย่างงั้นหรือ”

ขาดคำยอดหล้าก็กลายร่างเป็นอสูรกาย ดวงหน้างามกลายเป็นปีศาจร้าย ปากแสยะ คำราม ยื่นหน้ามาคล้ายจะขย้ำกัดกินมาลาริน มาลารินร้องสุดเสียง

 

เวลาเช้า ลูกกบ รัก เก้ง มีมี่ มูมู่ เดินมาเพื่อจะไปยังศาลากลางสวน ทุกคนเห็นตรีภพนอนแน่นิ่งอยู่บนสนามหญ้าใกล้โขดหินใหญ่ มีมี่ มูมู่ ตบอกผาง ถลาเข้าไปดู ตรีภพรู้สึกตัว กุมหัวลุกขึ้นนั่ง

“หือม์.. อะไรนี่ ผมมาอยู่นี่ได้ยังไง”

เก้ง ลูกกบ รัก มาช่วยกันดึงขึ้น รักสัพยอก

“เมื่อคืนหนักไปหน่อยหรือครับ”

“เปล่านี่ แค่เบียร์นิดเดียวเอง”

“กินกะใครคะ” มีมี่ถาม

“ไม่มีนี่ฮะ กินอยู่คนเดียวในห้องผม”

มีมี่ มูมู่ กางเสื้อคลุมนอนบางขาดวิ่นขึ้นมา

“แล้วนี่ชุดใครคะ คุณตรีขา”

“ไม่ทราบซีฮะ เหมือนชุดนอนคุณลินซี่”

“ชุดอยู่นี่ แล้วคนล่ะคะอยู่ไหน” ลูกกบสงสัย

ทุกคนมองดูรอบๆตัว มีมี่ มูมู่ เห็นก่อน ชี้นิ้วระริกระรี้ ตรีภพและทุกคนมองไป ที่หลังโขดหิน มาลารินชุดนอนเบบี้ดอลขาดวิ่น ผมฟูกว่าสิงโต เดินเลื่อนลอยออกมา ตรีภพและทุกคนเข้าไปหา

“คุณลินซี่ครับ คุณลินซี่”

มาลารินหน้าซีดเผือด ปากแตกระแหง มองหน้าตรีภพ มาลารินกระพริบตา หน้าตรีภพกลายเป็นหน้าอสูรกายยอดหล้ายื่นหน้ามา มาลารินผงะ ร้องวิ้ดๆๆ ดิ้นรนคล้ายคนบ้า

 

“ผี! ผี! ผี! ผี!”

_________________________________________________________________

 

ตรีภพบาดเจ็บ มาลารินก็เพ้อคลั่ง ฐาปกรณ์จึงต้องเปลี่ยนแผนสลับถ่ายทำฉากเมืองกรุงที่ เชียงใหม่ ทีมงานต่างวิ่งวุ่นทั้งเรื่องเสื้อผ้านักแสดง และหาโลเคชั่น

แก้วก้าวมาทำท่าขรึม เย็นชา ซ่อนความหนักใจไว้ ฐาปกรณ์ลุกขึ้น

“ไอ้.. คุณแก้ว หมอว่ายังไงบ้างครับ”

“นายตรีศีรษะกระทบกระเทือน หมอให้รอดูอาการ แล้วก็พักผ่อนก่อนซัก 2-3 วัน”

พิมพ์ดาวโล่งอก

“แล้วลินซี่ล่ะ”

“เธอมีอาการหวาดผวาหนักมาก หมอแนะนำให้ไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาล”

ทุกคนหนักใจไปตามๆกัน

แก้วเดินไปยังหน้าต่าง มองไปยังทิศของคุ้มร้างแล้วถอนใจ

 

ที่โรงพยาบาล พิมพ์ดาวกับแพทมาด้วยกัน ค่อยๆโผล่หน้าเข้าไปในห้องคนไข้ เพราะมีเสียงบีบีแปร๋แปร๋น

“ฉันไม่ยอมนะยะ น้องป่วยแบบนี้เสียหายหลายล้าน”

“อ้าว พูดยังงี้ก็ไม่ถูกนะครับ ไอ้คนที่เสียหายหลายล้านน่าจะเป็นผมมากกว่า” ฐาปกรณ์ว่า     

พิมพ์ดาวกับแพทก้าวเข้าไปเงียบๆ เห็นบีบีกำลังฟาดงวงฟาดงา

“ยังไงก็เป็นความผิดพวกคุณ มีอย่างเหรอ อยู่ดีไม่ว่าดี ที่ให้ถ่ายมีเยอะแยะไม่ไป ดันมาถ่ายกันที่คุ้มผีสิง”

ฐาปกรณ์กับมาดามสุอ้ำอึ้ง

“แหม ผีเผออะไรกันคะ น้องอาจจะแค่ประสาทหลอน”

“จะมาโทษว่าน้องเสพยาเหรอ ไม่มีนะยะ”

“แล้วถ้าจะโทษผี ทำไมคนอื่นเค้าอยู่กันได้อยู่กันดี ไม่เห็นเขาเจอ ทำไมต้องเป็นเด็กคุณ” ฐาปกรณ์โต้

บีบีอึ้งไป

 

“ใช่ค่ะ แล้วดึกดื่นตีหนึ่งตีสองทำไมไม่อยู่ห้อง ออกไปแร่.. เอ๊ย แร่ออกไปทำอะไรกับน้องตรี”

พิมพ์ดาวมองดูบนเตียงคนไข้ เห็นมาลารินให้น้ำเกลือ ให้เลือด ให้เกลือแร่ระโยงระยาง หน้าซีด ปากแตกระแหง ผมฟูเต็มหมอน แถมยังมีสายรัดผูกข้อมือ ข้อเท้ากับเตียง

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ไม่รู้ล่ะ ฉันจะฟ้อง”

“ฟ้องใคร ฟ้องผีเหรอ” ฐาปกรณ์ประชด            

บีบีร้องกรี๊ด เต้นเร่าๆ

“เด็กฉัน ฉันไม่ยอม ฉันเป็นห่วงน้อง”

“นี่ คุณบีบีคะ ถ้าคุณห่วงลินซี่จริงก็เงียบๆหน่อยเถอะค่ะ” พิมพ์ดาวท้วง

บีบีอึ้ง ค้อนพิมพ์ดาว

“ใช่” ฐาปกรณ์ได้ที

“พี่ฐาก็เหมือนกันค่ะ ถ้าจะทะเลาะกันไปทะเลาะข้างนอกเถอะค่ะ”

ฐาปกรณ์อึ้ง มาดามสุตาเขียว พิมพ์ดาวไม่สน มาลารินรู้สึกตัว กระสับกระส่าย ลืมตาขึ้น

“คุณลินซี่คะ” พิมพ์ดาวเรียก

มาลารินมองหน้าพิมพ์ดาว แต่กลับเลือนไปกลายเป็นยอดหล้า แล้วเปลี่ยนเป็นอสูรกายยื่นหน้ามา

มาลารินผงะ ตาเหลือกลาน ดิ้นรน

“กรี๊ด กลัวแล้ว กลัวแล้ว”

บีบีก้าวไป ทำตาเขียวกับพิมพ์ดาว

“ถอยไป อย่ามาทำแสนดีแถวนี้”

ตาทองกับสายใจเข้ามา ตาทองถือสร้อยสายสิญจน์ สายใจถือขวดน้ำมนต์

“อะไรอีกล่ะ ไม่เอา งมงายกันไปใหญ่แล้ว” ฐาปกรณ์ไม่พอใจ

แพทขอร้อง “พี่ฐาลองดูเถอะค่ะ วันก่อนยังได้ผลเลย”

มาดามสุพยักหน้าให้ฐาปกรณ์ยอม

“ช่วยน้องด้วยเถอะค่ะ น่าสงสารเหลือเกิน ลูกขา”

ตาทองเข้าไป เอาสายสิญจน์สวมคอให้ มาลารินนิ่ง

ทุกคนคลายใจคิดว่าได้ผล

สายใจเข้าไปเอาน้ำมนต์ใส่แก้ว จะให้มาลารินดื่ม ทันใดมาลารินก็หวีดร้องแอ่นตัว มือข้างหนึ่งหลุด กระชากสายสิญจน์ออก แล้วตบปัดแก้วน้ำมนต์แตกกระจาย เข็มน้ำเกลือฉีก เลือดกระเซ็นไหลไปทั่ว

“กรี๊ด กลัวแล้ว อย่าทำฉัน เจ้านางยอดหล้า อย่าทำฉันเลย”

คนอื่นไม่เข้าใจ แต่พิมพ์ดาวนิ่งงันไป

 

พิมพ์ดาวแวะมาเยี่ยมตรีภพที่อีกห้องหนึ่ง ตรีภพยืนเกาะระเบียง ศีรษะพันผ้าพันแผล

“อ้าว คุณ”

“คุณเป็นยังไงบ้าง”

“ผมหัวแข็งจะตาย ไม่เป็นไรหรอกฮะ แต่หมอให้รอดูอาการคืนนึง พรุ่งนี้ก็กลับได้”

ตรีภพกลับมาที่เตียง พิมพ์ดาวนั่งลงบนเก้าอี้

“ฉันเพิ่งไปดูคุณลินซี่มา อาการเธอไม่ดีเลย เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ตรีภพร้อนตัวเล็กน้อย

“ผมไม่รู้จริงๆนะฮะ เมื่อคืนผมอ่านบทอยู่คนเดียวในห้อง แล้วก็มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเช้า ตอนที่มีคนมาเจอ”
“นี่คุณละเมอเดินอีกแล้วหรือ”

“คงอย่างงั้นฮะ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณลินซี่”

“คุณลองนึกอีกทีซิ คุณฝันอะไรแปลกๆด้วยหรือเปล่า”

ตรีภพครุ่นคิด

“ไม่มีนี่ฮะ ผมไม่เห็นฝันอะไร หรือไม่ก็ฝันแต่จำไม่ได้ แต่เอ๊ะ ผมนึกออกแล้ว เมื่อคืนผมได้ยินเสียงซึง”

“เสียงซึง”

“ฮะ เสียงซึงเล่นเพลงดวงดาว.. แล้วจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกตัวอีก”

พิมพ์ดาวเริ่มแน่ใจ แต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไร

 

คืนนั้น แก้วหน้าเคร่งเครียดเดินมาบริเวณเติ๋น ทุกอย่างดูรกร้าง แก้วชูตะเกียงแบตเตอรี่ขึ้น

“เจ้านาง เจ้านางครับ”

ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ แก้วหันรีหันขวาง

“เจ้านาง!”

เกิดจุดแสงสว่างสีทองแล้วแผ่ออก คลุมทับความรกเรื้อ ยอดหล้าถือซึงนั่งอยู่บนตั่ง

นางผัน นางเผื่อน อยู่ที่พื้น

“เจ้ามีอะไรอีก”

“เจ้านาง มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้านางต้องทำร้ายนายตรีกับคุณลินซี่ถึงขนาดนั้น”

“ข้าไม่ได้ทำอะไรพี่เทพ นอกจากทำให้ลืมเลือนคืนที่ผ่านมา”

“แล้วคุณลินซี่ล่ะ เธอเหมือนเป็นบ้าไปแล้ว”

“นั่นถือว่าข้าปราณีแล้ว ที่จริงมันควรต้องตาย”

นางผัน นางเผื่อนสอด

“นังแพศยานั่นเข้าหาหลวงเทพซ้ำแล้วซ้ำอีกเจ้า”

“เมื่อคืนมันถึงกับตามหลวงเทพมาถึงที่นี่เจ้า”

แก้วหน้าบึ้งใส่นางผัน นางเผื่อน แล้วก็ถอนใจ

“เจ้านาง แค่สะกดให้คุณลินซี่ลืมก็ได้นี่ครับ”

“ให้มันหวาดกลัวเหมือนคนบ้าเช่นนั้นแหละสาสมแล้ว”

“แต่ถ้าคุณลินซี่ยังป่วยอยู่ ละครถ่ายทำต่อไม่ได้.. พวกกองละครอาจจะต้องกลับกรุงเทพไปนะครับ”

ยอดหล้ามองแก้วอย่างรู้ทัน

“เจ้ากำลังจะขู่ข้าว่า ถ้าพวกละครต้องกลับไป ข้าจะไม่ได้เจอพี่เทพอีกอย่างนั้นหรือ”

แก้วอึ้ง ยอดหล้าลุกขึ้น ก้าวมาใกล้แก้ว พูดอย่างหมั่นไส้

“พวกมันกลับไปก็ยิ่งดี ข้ารกหูรกตาเต็มทีแล้ว”

“แต่นายตรี”

“ถ้าข้าอยากให้พี่เทพอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าพี่เทพจะไปไหนได้หรือ”

ยอดหล้ากลับไปที่ตั่ง มองแก้ว

“อย่ากล้าดีมาปั่นหัว บงการข้าอีก”

ยอดหล้านั่งลง นางผัน นางเผื่อนมองแก้วแล้วคิกคัก

“เจ้านางปรีชาสามารถขนาดนี้ ใครจะมาบงการเจ้านางได้”

“เจ้าไม่ต้องมาประชดประชันข้า.. ตอนนี้ ข้ามีงานให้เจ้าทำ”

 

ที่หน้าเรือนมหาจรวย รถจากคุ้มเวียงแก้วแล่นมาจอดลง เรือนมหาจรวยโล่งกว่าเคย เพราะแตกหักเสียหายไปเมื่อสองคืนก่อน โต๊ะหมู่บูชาถูกจัดใหม่ รูปภาพแขวนผนังหายไป หีบไม้ลงอาคมยังวางอยู่ที่เดิม มหาจรวยเอาน้ำมาให้ตาทองและศักดิ์ ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆทรงกลม แล้วนั่งลงตรงข้าม

“ไม่ได้ผลเลยหรือ”

“ครับ ท่านมหา ทั้งด้ายอาคม ทั้งน้ำมนต์ ไม่ได้ผลทั้งนั้น ตอนนี้คุณนางเอกยังอาการหนักอยู่”

“เจ้านางมีพลังแรงกล้ามาก”

ศักดิ์กระซิบ “ใครหรือตา”

“เอ็งอยู่เฉยๆน่ะ”

มหาจรวยมองดูศักดิ์ ศักดิ์ยิ้มเรี่ยราด มหาจรวยมองอย่างปราณี

“ไอ้ศักดิ์ครับ หูตาผมมันเต็มที มันก็เลยอาสาขับรถให้”

“ดีจริง เป็นห่วงพ่ออุ๊ยพ่อเฒ่า”

ศักดิ์ยิ้มอายๆ

“นี่คุณแก้วท่าจะหมดหนทาง ให้ผมมารับท่านมหาไปดูนางเอกที่โรงพยาบาลหน่อย”

“อย่างงั้นหรือ”

“ท่านมหาว่างหรือเปล่าครับ”

มหาจรวยนิ่งนิดหนึ่งแล้วพยักหน้า ศักดิ์มองดูกล่องไม้ลงอาคมนิ่ง

 

มาลารินยังคงถูกมัดมือมัดเท้าตรึงกับเตียงคนไข้ ตรีภพ แก้ว พิมพ์ดาว บีบี ราเชนทร์ ทอง ยืนดูอยู่ทางหนึ่ง มหาจรวยก้าวมาทางปลายเท้า มองดูมาลารินอย่างปราณี มาลารินมองมหาจรวยแล้วผงะ ร้องวิ้ดๆๆ ดิ้นรน ตัวแอ่นขึ้นจากเตียง พิมพ์ดาวเม้มปาก เอามือจับสร้อยเขี้ยวเสือไฟ แก้วขยับถอย เลี่ยงออกจากห้อง เพื่อสั่งให้ศักดิ์ ไปขโมยกล่องไม้ที่เรือนมหาจรวย

 

ที่ประตูเรือนมหาจรวยลั่นกุญแจดอกเล็กๆไว้อันเดียว เหมือนไม่กลัวขโมยขโจร ศักดิ์กับเพื่อนคนงานอีกคนใช้พวงกุญแจพวงใหญ่ ลองไขไปเรื่อยๆ จนเปิดออก เมื่อเข้าไปในเรือนปิดหน้าต่างหมด แต่ก็ไม่มืดนัก บนชั้นมีแสงส่องมาจับที่กล่องอาคม ธันคว้ากล่องขึ้น ศักดิ์เอากระเป๋าใหญ่มาเปิดกางออก มีเสียงเด็กหัวเราะคิกคัก 2 คนงานหน้าเผือด มองหน้ากันแล้วมองรอบตัวล่อกแล่ก ทันใดมีร่างจางๆของเด็กหัวจุก 2 คน นั่งอยู่บนชั้นที่เคยวางกล่อง

ธันคว้ากล่อง ศักดิ์คว้ากระเป๋าวิ่งแน่บออกจากเรือน กุมารมองหน้ากันแล้วเลือนหาย ที่ประตูเรือนพลันปิดงับเข้ามาเอง กุญแจคล้องกดล็อคฉับด้วยมือที่มองไม่เห็น

 

ที่คุ้มร้าง แก้วถือกล่องอาคมเดินมาอย่างภูมิใจ ยอดหล้าอยู่บนตั่งมองมาอย่างเฉยชา นางผัน นางเผื่อนมีอาการกลัว แต่เปลี่ยนเป็นแปลกใจ

“เจ้านาง”

ยอดหล้ามอง เกิดพลังประหลาดดึงกล่องนั้นจากมือแก้ว ลอยไปหยุดนิ่งกลางอากาศต่อหน้ายอดหล้า

“หีบอันนี้ใช่ไหมครับ เจ้านาง”

“เจ้าว่าอย่างไร ผัน เผื่อน”

นางผัน นางเผื่อน เกาหัวแกรก

“หีบนี้มีแต่ลวดลาย” “แต่ไม่มีอาคมอันใดเลยเจ้า”

ยอดหล้าตวัดสายตา กล่องนั้นพลันลอยหวือไปกระแทกเสากลางเรือน ดังสนั่น กล่องนั้นแตกออก มีหินขนาดย่อมๆกลิ้งมาทับเท้าแก้ว ยอดหล้ายิ้มอย่างเจ็บใจ แก้วหยิบหินขึ้นมา

“ทำไมหรือครับ”

“เจ้าหมอผีนั่น ชั่วร้ายมากเล่ห์เพทุบายเหมือนปู่ทวดมัน”

“แปลว่า”

“หีบนี้ไม่ใช่หีบอาคมอันจริง”

แก้วเม้มปากผิดหวัง

“มันทำเช่นนี้เพื่อเยาะเย้ยข้า แต่มันกลับยิ่งทำให้ข้ามั่นใจว่าในหีบนั้นต้องมีของสำคัญยิ่ง”

ยอดหล้าดวงตาเจิดจ้า

ที่เรือนมหาจรวย กล่องอาคมใบจริงถูกซ่อนไว้ในช่องลับที่พื้นเติ๋น อันเป็นยกพื้น มีเสียงดังวู่หวิวมา มหาจรวยหยิบกล่องขึ้นจากที่ซ่อน ร่างรักยมปรากฏขึ้นจาง             

“เอาไว้แบบนี้คงไม่ปลอดภัยแน่” มหาจรวยถอนใจ

 

ทางเดินในโรงพยาบาลเวิ้งว้างว่างเปล่า พิมพ์ดาวเดินมากับแพท

“คุณลินซี่ไม่ดีขึ้นเลยหรือคะ”

“ไม่ใช่แค่ไม่ดีขึ้น อาการยังหนักขึ้นกว่าเดิมด้วย”

“เมื่อวานมีหมอผีมาดูไม่ใช่หรือคะ”

“ไม่ใช่หมอผีหรอกจ้ะ มหาจรวยที่ไปที่คุ้มเมื่อวันนั้นไง”

“แล้วคุณมหาช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือคะ”

“แกก็มาทำพิธี แต่ไม่เห็นพูดอะไรเลย”

“ถ้าคุณลินซี่เป็นอะไรไป ละครไม่พังหรือคะนี่”

 

พิมพ์ดาวถอนใจ

_________________________________________________________________

 

ที่ศาลาน้ำคุ้มร้าง มีเสียงซึงดังขึ้นแผ่วเบา แล้วชัดขึ้นเป็นเพลงดวงดาว คล้ายมีลมพัดมา ศาลานั้นเรืองรองมลังเมลืองกลายเป็นเหมือนในอดีตเมื่อ 200 ปีก่อน แต่งดงามกว่า ลมพัดม่านบางปลิว ดอกไม้เครื่องแขวนส่งกลิ่นรำเพย  ยอดหล้านั่งอยู่บนตั่ง บนตักมีซึง นิ้วดีดซึงอย่างคล่องแคล่ว นางผัน นางเผื่อน ร้อยดอกไม้หอมอยู่แทบเท้า ยอดหล้ายิ้มพราย ดวงตาเปี่ยมรัก

 

ที่ห้องพักในคุ้มหลวง ตรีภพนอนหลับอยู่บนเตียง ประตูระเบียงเปิดออก ลมพัดกรูเกรียว พาเสียงซึงดังมา ตรีภพลืมตาลุกขึ้นจากเตียง มายืนกลางห้อง ดวงตาเลื่อนลอย

 

ที่ห้องคนไข้ มาลารินนอนหลับ มือเท้าถูกมัด มีท่ออาหาร สายน้ำเกลือระโยงระยาง มาลารินหน้าซีด ดวงตาเป็นวงคล้ำ ปากแตกระแหง พิมพ์ดาวก้าวไปที่ปลายเตียง มองดูอย่างเวทนา มาลารินผวาตื่น แล้วร้องวิ้ด ดิ้นรน “กลัวแล้ว กลัวแล้ว”

 

ตรีภพเดินตามเสียงซึงของยอดหล้าไปที่คุ้มร้าง

 

ขณะเดียวกัน พิมพ์ดาวยกสองมือจับสร้อยเขี้ยวเสือไฟ นึกถึงที่จันทราพูดกำชับไว้ ไม่ให้เขี้ยวเสือไฟห่างตัวก็ชักลังเล แต่พอเห็นมาลาริดิ้นรนอย่างน่าสงสาร จึงตัดสินใจถอดสร้อยออก คล้องคอมาลาริน มาลารินร้องวี้ดสุดเสียง

 

สายซึงขาดสะบั้น ยอดหล้าผงะเงยหน้าขึ้น นางผัน นางเผื่อนตกใจ ยอดหล้าพลันเห็นพิมพ์ดาวที่ใบหน้าทรงผมกลายเป็นดาราราย ยอดหล้าลุกพรวดขึ้น ดวงตาวาวโรจน์คั่งแค้น ซึงกระเด็นไป

“นังน้องทรยศ เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดอย่างนั้นหรือ”

บทประพันธ์ดัดแปลงจากบทประพันธ์ เรื่อง คุ้มนางครวญ ของ สรรัตน์ จิรบวรสุทธิ์ 
บทโทรทัศน์วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน 

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 11บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 10บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9
 
 
 
ชมทีวีออนไลน์ช่อง 5 แบบสดๆ ได้ที่นี่
ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง
     Facebook.com/TVSociety