รีเซต

เรื่องย่อ Palace3 : The Lost Daughter จอมนางวังต้องห้าม 3

เรื่องย่อ Palace3 : The Lost Daughter จอมนางวังต้องห้าม 3
23 สิงหาคม 2558 ( 18:30 )
8.6K

Palace3 : The Lost Daughter จอมนางวังต้องห้าม 3

ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30-18.30 น.

ทางช่อง 1 เวิร์คพอยท์ทีวี ออกอากาศ 18 มิถุนายน 2557 – 3 กันยายน 2557

                 ละคร "จอมนางวังต้องห้าม (Gong 3 / Palace: The Lost Daughter)" หรือ "กงสั่วเหลียนเฉิง" เป็นซีซั่นที่ 3 ของละครชุด "Gong (Palace)" โดยละครพาเราย้อนกลับไปในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง (ชิงเกาจงฮ่องเต้) แห่งราชวงศ์ชิง (หรือแมนจู)  เนื้อหากล่าวถึงโชคชะตาที่พลิกผันของสองหนุ่มสาว "เหลียนเฉิง" และ  "เหิงไท่" 

 

                 "เหลียนเฉิง"  เป็นลูกสาวของแม่ทัพใหญ่แห่งสกุล "ฟู่ฉา" (พระญาติของฮ่องเต้) เธอถูกผู้เป็นแม่ทอดทิ้งด้วยความจำใจหลังลืมตาดูโลกได้ไม่นาน แม่ของเธอต้องการคลอดลูกเป็นชายเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีและรักษาสถานะในบ้านของตน จึงนำทารกเพศชาย ("เหิงไท่") มาแอบอ้างว่าเป็นลูกชายของตนแทน นับแต่นั้นโชคชะตาของทั้งคู่ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เหลียนเฉิงถูกนำมาเลี้ยงและเติบโตในหอคณิกา ส่วนเหิงไท่กลายเป็นลูกชายแม่ทัพใหญ่ หลังทั้งคู่ถูกโชคชะตาเล่นตลกให้มาพบรักกัน เหลียนเฉิงก็ได้เข้าไปอยู่ที่บ้านแม่ทัพ (จริงๆ แล้วก็คือบ้านของเธอเอง) ในฐานะเมียรองของเหิงไท่ อย่างไรก็ตาม ชีวิตรักของทั้งคู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ซ้ำยังมีอุปสรรคขวากหนามที่ต้องฟันฝ่ามากมาย 

 

                 เรื่องราวในละครเริ่มต้นขึ้นที่บ้านแม่ทัพ  "ฟู่ฉา" ระหว่างที่ "อิงเย่ว" ภรรยาของเขาไปวัดเพื่อสวดมนต์อ้อนวอนพระโพธิสัตว์ให้ลูกน้อยในครรภ์ของเธอเป็นเพศชาย สาวใช้ "หยูเหมย" ก็กำลังปรนนิบัติแม่ทัพอยู่ที่บ้าน เธอเลียบเคียงถามว่า หากเด็กในครรภ์ของฮูหยินเป็นเพศหญิงอีกตามเคยจะว่ายังไง แม่ทัพได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจที่หยูเหมยพูดไม่เป็นมงคล (แช่ง) เพราะเขาอยากได้ลูกชายมากและเฝ้ารอมานาน (เขามีลูกสาว 3 คนแล้ว) หยูเหมยพยายามหว่านล้อมให้แม่ทัพรับเธอเป็นภรรยาอีกคน โดยอ้างว่าใครๆ ต่างพากันบอกว่าเธอจะได้ลูกชาย (เธอกำลังตั้งครรภ์กับแม่ทัพ) เมื่อเห็นแม่ทัพมีท่าทีลังเล หยูเหมยจึงบอกว่า ตอนนี้ฮูหยิน (อิงเย่ว) กำลังขอลูกชายจากพระโพธิสัตว์ พร้อมทั้งบอกว่าพระโพธิสัตว์ที่วัดแห่งนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก แม่ทัพจึงรีบควบม้าไปหาภรรยาที่วัดบนภูเขาทันที

 

                 หลังขอพรแล้ว อิงเย่วก็ทำการเสี่ยงทายเพศของลูกในครรภ์ เมื่อผลออกมาเป็นเพศหญิงเธอก็รู้สึกผิดหวัง ทันทีที่ไปถึงวัดแม่ทัพก็รีบถามอิงเย่วว่าผลการเสี่ยงทายออกมาเป็นอย่างไร เมื่อเห็นอิงเย่วได้แต่ยืนอึ้ง แม่นมเกาจึงแก้ตัวว่าฮูหยินของตนยังไม่ได้เริ่มสวดมนต์อ้อนวอน แม่ทัพจึงคุกเข่าขอลูกชายจากพระโพธิสัตว์ ทั้งๆ ที่ตัวเขาไม่เชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า (เขาไม่อาจรักษาศีลด้วยมีหน้าที่เข่นฆ่าศัตรู) มิหนำซ้ำยังขนเงินทอง 2 หีบใหญ่มาเป็นของเซ่นไหว้พระโพธิสัตว์ด้วย อิงเย่วเห็นดังนั้นก็ติงสามีว่าเขากำลังลบหลู่พระโพธิสัตว์

 

                 อิงเย่วเห็นสามีตามไปที่วัดก็รู้ได้ทันทีว่าสามีของเธออยากได้ลูกชายมาก ยิ่งเขาตั้งความหวังเอาไว้กับเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกกดดัน แต่เหตุการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อหยูเหมยเกิดตั้งท้องกับสามีเธอเช่นกัน อิงเย่วรู้สึกว่าตำแหน่งฮูหยินของเธอกำลังถูกสั่นคลอน เนื่องจากสามีของเธอแต่งตั้งหยูเหมยให้เป็นฮูหยินรอง หากหยูเหมยให้กำเนิดบุตรชายขณะที่เธอได้ลูกสาวอีกคนแล้วล่ะก็ หยูเหมยคงขึ้นแท่นเป็นคนโปรด ส่วนเธอคงถูกสามีหมางเมินและอนาคตดับวูบ อิงเย่วจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคลอดลูกออกมาเป็นชายเท่านั้น 

 

                 อิงเย่วขอให้แม่นมเกาหาทารกเพศชายมาเตรียมไว้ให้เธอ เพื่อจะได้ทำการสับเปลี่ยนหากเธอได้ลูกสาว และแล้วเธอก็ได้ลูกสาวจริงๆ แม้จะรู้สึกเสียใจที่ต้องพรากจากลูก แต่อิงเย่วจำเป็นต้องนำลูกชายคนอื่นมาสับเปลี่ยนเป็นลูกของเธอแทน ส่วนลูกสาวแท้ๆ ของเธอนั้นถูกนำไปวางทิ้งไว้ที่หอคณิกา (เด็กน้อยมีปานแดงทางด้านหลัง)  เมื่อ "ซ่ง หลี่เหนียง" นายหญิงแห่งหอคณิกาเห็นทารกถูกนำมาทิ้งไว้ก็รู้สึกเอ็นดู เธอจึงรับเป็นลูกโดยตั้งชื่อว่า "ซ่ง เหลียนเฉิง"

 

                 20 ปีต่อมา "ฟู่ฉา เหิงไท่" กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้เก่งกล้า เขาเป็นถึงรองแม่ทัพที่ใครๆ ต่างพากันชื่นชมและยกย่องในความสามารถด้านการต่อสู้ อิงเย่วเห็นเหิงไท่มีอนาคตอันสดใส จึงอดคิดถึงและเป็นห่วงลูกสาวแท้ๆ ที่ถูกทิ้งไปไม่ได้  แม่นมเกาปลอบใจว่าเธอตัดสินใจถูกแล้ว หากไม่ทำเช่นนั้น (นำเหิงไท่มาแอบอ้างว่าเป็นลูก) เธอคงตกที่นั่งลำบากเพราะหลังจากเธอคลอดไม่นานหยูเหมยก็ให้กำเนิดบุตรชาย (หมิงซ่วน)

 

                 อีกด้านหนึ่ง "เจียงอี้เฉิน" ก็กำลังนอนพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ยักษ์กลางป่าลึกโดยมี "ไป่เยี่ย" นอนคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง หลังถูกอี้เฉินพูดจาตัดรอนและลุกหนีไปดื้อๆ ไป่เยี่ยก็แช่งให้เขาตกหลุมรักใครสักคนอย่างหัวปักหัวปำจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนอย่างเธอ อี้เฉินได้ยินดังนั้นจึงยืนกรานว่าตนไม่มีวันเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน ปรากฏว่าอี้เฉินเป็นหัวหน้ากองโจร เขาตำหนิ "หวังหูจื้อ" ที่ริอ่านทำตัวเป็นคนพาลเที่ยวออกอาละวาดจนชาวเมืองแตกตื่น เพราะนั่นจะทำพวกตนเสียการใหญ่ (ปล้นบ้านเศรษฐี)  และถูกทางการจับตามอง 

 

                 เหิงไท่ได้ยินกิตติศัพท์ความชั่วร้ายของโจรหวังจึงคิดที่จะตามจับด้วยตนเอง เขาสั่งให้ "เกาเสี่ยว" ไปสืบหาข่าว จากนั้นก็ขี่ม้าตรวจตราความเรียบร้อยเพราะเป็นช่วงที่ประชาชนต่างพากันเฉลิมฉลองเทศกาลโคมไฟ ทันใดนั้นก็มีสาวน้อยคนหนึ่ง (เหลียนเฉิง) วิ่งหน้าตาตื่นพลางร้องไห้ขอความช่วยเหลือมาตลอดทาง เหิงไท่เห็นดังนั้นจึงอุ้มสาวน้อยคนดังกล่าวขึ้นมาแอบอยู่บนหลังม้าโดยใช้เสื้อคลุมทับเธอไว้

 

                 เมื่อถูกถามว่าวิ่งหนีอะไรมา เหลียนเฉิงก็ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่าเธอถูกพี่ชายและพี่สะใภ้นำตัวมาขายให้หอคณิกาเพื่อแลกกับเงินค่าผ้าห่ม แต่เธอไม่อยากเป็นนางรำและคณิกาจึงวิ่งหนีออกมา เหิงไท่ต้องการไถ่ตัวเหลียนเฉิงแต่นำเงินติดตัวมาไม่มาก เขาจึงให้เงินทั้งหมดที่มีแล้วบอกให้เธอรอ โดยบอกว่าจะไปเอาเงินมาให้เพิ่ม พอรู้ตัวว่าโดนสาวสวยหลอกตบทรัพย์ เหิงไท่กลับไม่รู้สึกเจ็บแค้นเลยสักนิด ซ้ำยังหยิบดอกมะลิ (ของเหลียนเฉิง) ที่ติดอยู่บนเสื้อคลุมขึ้นมาดมดอมอย่างพึงพอใจ

 

                 วันต่อมา ระหว่างที่เหิงไท่ออกมาเดินตรวจตราความสงบเรียบร้อย เกาเสี่ยวก็มารายงานความเคลื่อนไหวและพฤติกรรมของโจรหวัง ระหว่างนั้นมีขบวนรถม้าของบ่าวสาวเคลื่อนผ่านมาตามถนนโดยมีประชาชนสองข้างทางร่วมแสดงความยินดี แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีสาวน้อยคนหนึ่งมายึนขวางหน้าขบวนเอาไว้ เหิงไท่จำได้ทันทีว่าสาวน้อยคนดังกล่าวคือเหลียนเฉิง แต่คราวนี้เธอมาพร้อมกับท้องอันกลมโต (สวมบทเป็นหญิงท้อง) โดยมายืนร้องไห้โวยวายและชีหน้าด่าเจ้าบ่าวต่อหน้าประชาชีว่า เจ้าบ่าวเป็นคนโกหกหลอกลวง เขาทำเธอท้องแล้วทอดทิ้ง เจ้าบ่าวหันไปมองเกี้ยวเจ้าสาวทางด้านหลังแล้วรีบลงจากหลังม้าพร้อมทั้งยืนยันว่าตนไม่เคยพบและไม่รู้จักเหลียนเฉิง ทำให้เกิดการทะเลาะตบตีกัน  เหิงไท่เห็นเหลียนเฉิงเล่นละครหลอกคนอื่นต่อหน้าต่อตาจึงยืนดูด้วยความรู้สึกทึ่ง (ทำไปได้) และขบขัน

 

                 ในที่สุดโชคชะตาก็ดลบันดาลให้ทั้งคู่มาพบกัน ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ติดตามชมได้ใน "จอมนางวังต้องห้าม" ทางช่อง 1 เวิร์คพอยท์ทีวี



ชมทีวีออนไลน์ช่อง Workpoint Creative TV แบบสดๆ ได้ที่นี่