บทละครโทรทัศน์ รากนครา ตอน 9 หน้า 4
“เจ้ามิ่งหล้าเจ้า.. บ่อเป็นการบังควรนะเจ้า”
“โอกาสทองเป็นของข้า แล้วข้าจะปล่อยให้มันหลุดมือไปได้อย่างไร ฟองจันทร์”
เสลี่ยงอีกคันที่ตามมา เห็นมิ่งหล้าหัวโด่ ส่งสายตาไปที่กษัตริย์ ปัทมสุดาบนเสลี่ยงขบวนที่ตามมา มองมิ่งหล้าจ้อง-เขม็ง มิ่งหล้าหันมาเจอสายตาปัทมสุดาเต็มๆ มิ่งหล้าค่อยๆก้มหน้าลง และหมอบราบลงไป อย่างคนอื่นๆ
ปัทมสุดา จิกสายตามองเขม็งจนขบวนเคลื่อนผ่านไปจากตรงนั้น ปัทมสุดา เชิดหน้าขึ้นเหมือนแค่เห็นเศษผงธุลี มิ่งหล้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นเมื่อขบวนผ่านไป มิ่งหล้ากอบโกยความมั่นใจบางอย่างไว้เต็มที่
หน้าวัด ปัทมสุดาก้าวลงจากเสลี่ยงหน้า เครียด “อีมิ่น” มิ่นรีบเข้ามาหาทันที คุกเข่าลงตรงหน้าปัทมสุดา
“มิพญา” คำที่บ่าวไพร่-คนทั่วไปเรียกราชินี ปัทมสุดา โน้มตัวลงมาพูดสั่งบางอย่าง กับมิ่นย่างไม่ต้องการให้ใครได้ยิน มิ่นรับฟังคำสั่งอย่างตั้งใจ ไม่ให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว กษัตริย์ กำลังจะเดินเข้าซุ้มประตูวัด หันกลับมามองปัทมสุดา "ซู ซู" กษัตริย์ใช้เรียกปัทมสุดา ความหมาย คือ ที่รัก ปัทมสุดาสั่งความมิ่นเสร็จพอดี ฉีกยิ้มตอบกษัตริย์ได้ในทันที “หม่อง หม่อง” ปัทมสุดาผละออกไปหา กษัตริย์ทันที..ทั้งคู่เดินเคียงกันเข้าเขตวัด บริวารตามเสด็จมากมาย
เรือนพักมิ่งหล้า ข่ายคำท่าทางตื่นเต้นยินดี
“ลูกแม่กล้าหาญมาก แล้วลูกได้เห็นกษัตริย์ใกล้ขนาดนั้น ท่านเป็นยังไงบ้าง ท่านงามมากไหมมิ่งหล้า”
“งามมาก ท่านสมกับเป็นผู้มีบุญญาบารมีครองบัลลังค์กษัตริย์เมืองมัณฑ์อันยิ่งใหญ่เกรียงไกรจริงๆ”
“แล้วองค์ราชินี เสด็จออกมาด้วยไหม”
“อยู่คนละขบวนกัน” สีหน้ามิ่งหล้าชัดเจนว่าอยากเม้า “องค์ราชินีคงจะงามมากนะวันนี้”
“ลูกไม่เห็นว่านางจะงามที่ตรงไหน ถ้าปลดเปลื้องเครื่องทรงเครื่องเพชร ทองออกไปให้หมด นางก็แค่ผู้หญิงหน้าตาจืดชืดคนนึงเท่านั้น ไม่ได้มีราศีของราชินีสักนิด”
ฟองจันทร์พยายามสงบปากคำ ทั้งที่อยากเตือนไม่ให้พูดดัง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ อะไรๆก็คงจะง่ายขึ้น.. คุยเรื่องกษัตริย์ ต่อเถอะ ลูกเห็นท่านฝ่ายเดียวหรือ ท่านก็เห็นลูกด้วย...มิ่งหล้า”
“เจ้าแม่..กษัตริย์เมืองมัณฑ์มองลูกจนเหลียวหลัง” ข่ายคำแทบกรี๊ด “อย่างนั้นทีเดียวรึ”