บทละครโทรทัศน์ Secret Garden อลเวงรักสลับร่าง ตอนที่ 1 หน้า 5
เมื่อตนชนะ ซึ่งชัยจะชอบแอบเหล่มุกอยู่ทุกวันอยู่แล้ว มุกเหลือบมองไปที่ชัยพอดี ชัยถึงกับสะดุดเท้าตัวเองเบาๆ ไปชนกับธนัท มุกแอบขำ
ธนัทเดินเข้าห้องประชุมเข้าไป ในห้องประชุม ชุมพล หนึ่งในบอร์ดคนสำคัญอายุราว 50 กว่า รีบลุกขึ้นต้อนรับธนัทพร้อมกับพนักงานคนอื่นๆ “สวัสดีครับคุณธนัท”
ธนัทไม่สนใจ ธนัทนั่งลง “อ่ะ เริ่มได้” พนักงานคนอื่นๆ จึงนั่งตาม
“ที่ผ่านมาทีมงานของเราได้คิดแคมเปญครบรอบสามสิบปีของห้างมาด้วยนะครับ โดยธีมงานเราจะใช้ชื่อว่า “เพื่อนที่รู้ใจ”” ภาพบนโปรเจ็คเตอร์ขึ้นคำว่า “เพื่อนที่รู้ใจ”
“ชื่อนี้...คิดนานป่ะ”
“เอิ่ม พอดีเราได้คิดภาพรวมทั้งหมดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นทั้งสื่อวิทยุหรือว่าทีวีหรือว่าแมกกาซีน หรือว่าจะเป็น...”
ธนัทสวนขึ้น “คุณชุมพล ผมถามว่าชื่อนี้คิดนานมั้ย”
ชุมพลหน้าตึงเหมือนโกรธมาก “2 เดือนครับ” ธนัทแอบยิ้ม “ผมไม่ชอบอะ เปลี่ยนได้เลย”
พนักงานคนอื่นๆ อึ้งๆ
“คือ ยังไงผมขอเสนอแผนงานทั้งหมดก่อนได้มั้ยครับ”
“นี่คุณชุมพล ถ้าชื่อมันไม่น่าสนใจอ่ะ เนื้อในมันจะน่าสนใจได้ยังไง” ธนัทเปลี่ยนเรื่อง “..อ่ะ...ต่อเลย”
พนักงานสาวคนหนึ่งนำเสนอ “ส่วนทางโรงแรมในเครือ K Group ของเรานะคะ ช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น ก็เลยคิดว่าจะจัดเป็นโปรโมทชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าชาวต่างชาติให้มาใช้บริการของเราเยอะมากขึ้นนะคะ”
ชุมพลหน้าเสีย ธนัทมองนาฬิกาข้อมือ ถามชัย “ชัย ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
“อีกสิบห้านาทีจะ 11 โมงครับ”
“ถ้าเรย์ไม่มานั่งตรงเก้าอี้นี้ภายใน 11 โมงตรงอ่ะ...เปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ได้”
“ครับ”
ภายในร้านสะดวกซื้อ 7-11 โหน่ง ผู้จัดการและคนสนิทเพียงคนเดียวของเรย์ ยืนมองนาฬิกา อีก 15 นาทีจะ 11 โมงอย่างร้อนใจในขณะที่เรย์เลือกขนมในร้านอย่างสบายใจ
“พี่เรย์ครับ เดี๋ยวพี่เรย์ค่อยกินได้มั้ยครับ คือตอนนี้เนี่ย มันเหลือเวลาอีกแค่ 15 นาที เอง”
“แล้วไงพี่ ยังไงก็ต้องเป็นผม เชื่อดิ” เรย์เอามือตบไหล่โหน่ง “ห่ะ...”
“ยังไงก็เป็นมึง คือกูเข้าใจนะ แต่...” เสียงโทรศัพท์เข้า โหน่งหยิบโทรศัพท์ “เห็นมั้ยเนี่ย...โอ้...ชัย ชัย ชัย ชัย... เออว่าไงชัย...เออ พี่กำลังจะถึงล่ะนะ มึงถ่วงเวลาคุณธนัทไว้อีกนิดหนึ่ง...นะ...โอเคนะ...เออ แต้งกิ้ว”
“เอ่อ...เมื่อกี้พี่สั่งกาแฟไปใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวพี่ขอเพิ่มชีทไบร์ทอีก 4 ชิ้น นะ หั่นให้พี่ด้วย”
“เห้ย น้อง...พอ ไม่เอา ไม่หั่น ไม่หั่นอะไรทั้งนั้น ซอสพงซอสพริกไม่เอา”
“อะไร จะกิน หิวนี่หิว”